เร็กกูเลเตอร์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในชุดอุปกรณ์ดำน้ำของเรา เพราะเป็นตัวจ่ายอากาศให้กับเราตลอดไดฟ์ การดูแลอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราใช้งานได้อย่างปลอดภัย ป้องกันอันตรายที่คาดไม่ถึง และยืดอายุการใช้งาน ช่วยประหยัดเงินจากการซ่อมแซมด้วยเหตุที่ไม่สมควรเกิด ได้อีกด้วย การทำความสะอาดเร็กกูเลเตอร์หลังดำน้ำเสร็จเป็นสิ่งที่ควรทำ ยิ่งปล่อยไว้นาน วัสดุก็ยิ่งมีโอกาสเสื่อมสภาพมากขึ้น ไม่ใช่แค่หลังจากดำน้ำทะเลเท่านั้น แม้กระทั่งในสระว่ายน้ำหรือน้ำจืดก็เช่นเดียวกัน น้ำทะเลจะมีผลึกเกลือและอนุภาคทรายที่ทำให้วัสดุเกิดการกัดกร่อนได้ ส่วนสระว่ายน้ำก็มีคลอรีนและกรด และทะเลสาบน้ำจืดก็ยังมีแร่ธาตุ และอาจมีเกลือ รวมถึงตะกอนที่เป็นด่าง ที่จะทำให้เร็กกูเลเตอร์เสื่อมสภาพได้เช่นกัน ในการทำความสะอาดเร็กกูเลเตอร์มีเรื่องที่ควรทำอย่างระมัดระวัง และมีบางเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะจะสร้างความเสียหายให้กับเร็กกูเลเตอร์ได้ หากศึกษาแล้วยังไม่เข้าใจชัดเจนเรื่องใด สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้ ขั้นตอนการทำความสะอาดเร็กกูเลเตอร์ เริ่มต้นตั้งแต่หลังการดำน้ำทุกไดฟ์ หลังจากจบการดำน้ำแต่ละไดฟ์ อย่างน้อยควรล้างเร็กกูเลเตอร์แบบง่ายๆ ขณะที่ยังต่ออยู่กับถังอากาศและเปิดวาล์วอากาศไว้ เพราะแรงดันจากถังจะช่วยป้องกันไม่ให้มีน้ำย้อนเข้ามาในระบบได้ โดยใช้น้ำสะอาดเทราดลงไปพร้อมกับถูเบาๆ ให้สิ่งที่ติดมาจากทะเลหลุดออกไปบ้าง หลังจากทำความสะอาดแบบง่ายๆ ไวๆ และปิดถังอากาศเรียบร้อยแล้ว หากอยู่บนเรือ liveaboard นักดำน้ำส่วนใหญ่มักจะวางเร็กกูเลเตอร์ทิ้งไว้กับวาล์วถังอากาศ เพื่อรอใช้งานในไดฟ์ถัดไป แต่ท่านที่ต้องการดูแลเร็กกูเลเตอร์อย่างจริงจัง ควรจะปลด 1st stage ออกจากถังอากาศแล้วปิด dust cap ให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง เนื่องจากในระหว่างพักน้ำรอไดฟ์ถัดไปนั้น ลูกเรือจำเป็นต้องถอด 1st stage ออกจากถังเพื่ออัดอากาศเข้าถังด้วย บางครั้งลูกเรืออาจไม่ได้ระมัดระวัง ถอดและวาง 1st stage ไว้โดยไม่ได้ปิด dust cap ซึ่งทำให้มีน้ำ ความชื้น หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปใน 1st stage เสี่ยงต่อปัญหาอื่นที่ตามมาได้ วิธีการทำความสะอาด dust cap ก่อนจะปิด dust cap เข้ากับเร็กกูเลเตอร์ทุกครั้ง ต้องล้าง dust cap ให้สะอาดก่อน โดยทั่วไปมักจะใช้อากาศจากถังอากาศ โดยเปิดวาล์วทีละน้อย ปล่อยลมออกมา ให้ลมแรงพอที่จะไล่น้ำและฝุ่นออกจากหน้าสัมผัสของ dust cap ซึ่งมักจะสะอาดกว่าการใช้ผ้าเช็ด สังเกตว่าหน้าสัมผัสของ dust cap แห้งสนิทและสะอาด ปราศจากน้ำ เม็ดทราย หรือฝุ่นผงแล้ว จึงปิดเข้ากับช่องอากาศของ 1st stage หมุนปิดให้แน่นพอดีๆ ไม่แน่นจนเกินไปจนทำให้ dust cap เสียหาย (หลวมไป ก็อาจปิดไม่สนิท) ล้างเร็กกูเลเตอร์หลังเสร็จจากการดำน้ำ ขั้นตอนต่อไปนี้ บางคนอาจทำทุกไดฟ์ บางคนอาจทำหลังไดฟ์สุดท้ายของวัน หรือบางคนอาจทำหลังไดฟ์สุดท้ายของทริปทีเดียวเลยก็ได้ ขึ้นกับความต้องการและปริมาณน้ำจืดที่เรือมีพอให้ใช้งาน วิธีที่ดีที่สุด คือล้างขณะที่เร็กกูเลเตอร์ยังต่ออยู่กับถังอากาศดังที่กล่าวไว้ข้างต้น หากเร็กกูเลเตอร์ไม่ได้ต่ออยู่กับถังอากาศ ให้ปิด dust cap ให้สนิท (อย่าลืมทำความสะอาด dust cap ก่อนตามวิธีการข้างต้น) ห้ามแช่ 1st stage ลงในน้ำ เพราะตัว…
อ่าน วิธีการทำความสะอาดและดูแลรักษาเร็กกูเลเตอร์Category: Scuba Diving
Safety Stop
ในปัจจุบัน เราจะพบว่านักดำน้ำดำน้ำกันลึกเป็นเรื่องปกติธรรมดา และการทำ deep stop และ safety stop ก็เป็นเรื่องปกติที่นักดำน้ำทำกันเพื่อความปลอดภัยโดยทั่วกัน นับตั้งแต่มีการนำเอาหลักการของการทำ safety stop มาใช้เมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้ว เราคงคิดว่า เทคนิคการทำ safety stop คงจะไม่มีอะไรยากเย็นหรือซับซ้อน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การทำ safety stop นั้นมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง และเทคนิคทักษะที่ละเอียดอ่อนหลายอย่าง หากต้องการจะได้รับประโยชน์เต็มที่จากการทำสิ่งนี้ เราควรทำ safety stop ก่อนจะจบทุกไดฟ์ เพราะมันจะทำให้เราคำนึงถึงการขึ้นสู่ผิวน้ำ และทำให้เราได้ฝึกทักษะการดำน้ำมากขึ้น รวมถึงเราจะคำนึงถึงการหลีกเลี่ยงและป้องกัน DCS ในเวลาเดียวกัน และเช่นเดียวกันกับทักษะทุกชนิด การที่จะเกิดความเชี่ยวชาญได้นั้น จะต้องมีการฝึกฝนทักษะเหล่านั้นจนกระทั่งกลายเป็นการกระทำโดยอัตโนมัติ หรือทำจนรู้สึกเป็นธรรมชาติ นั่นเอง การทำ safety stop นั้น เริ่มตั้งแต่ใต้ทะเลตรงพื้นนั่นแหละครับ โดยเราจะต้องคิดอยู่เสมอว่า จะต้องขึ้นสู่ผิวน้ำหรือขึ้นสู่จุดที่จะทำ safety stop ให้ช้า สิ่งแรกคือต้องเอาอากาศออกจาก BCD เสียก่อนเพื่อไม่ให้เราลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไปจนควบคุมไม่ได้ การมีลมใน BCD นิดหน่อยเพื่อไม่ให้ต้องเตะขามากเกินไปนั้นเป็นเรื่องพอรับได้ แต่พลังหลักที่ใช้ในการขึ้นจะต้องเกิดจากแรงขาของเรา ไม่ใช่เกิดจากแรงยกของลมใน BCD ครับ การจมลอยของเราจะพอดีก็ต่อเมื่อเราหยุดลอยขึ้นเมื่อเราหยุดเตะขา หากเราหยุดเตะขาแล้วแต่ตัวยังลอยอยู่ ก็หมายความว่า เรามีอากาศใน BCD มากเกินไปแล้วครับ ความเร็วในการขึ้นสู่ผิวน้ำ ในปัจจุบัน มีการตกลงกันในหมู่องค์กรเกี่ยวกับเวชศาสตร์ใต้น้ำว่า ความเร็ว 9 เมตรต่อนาทีนั้นเหมาะสมกว่าความเร็ว 18 เมตรต่อนาทีที่เคยเข้าใจกัน เพราะฉะนั้น หากใครใช้ Dive Computer ดำน้ำที่เตือนที่ความเร็ว 18 เมตรต่อนาที ก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยน Dive Computer ได้แล้วครับ ทักษะต่อมาในการทำ safety stop ก็คือ การเตรียมพร้อมที่จะหยุดกลางน้ำ ทักษะนี้จะยากยิ่งขึ้นหากเราไม่มีเชือกหรือทุ่นที่จะเป็นแนวกำหนด นักดำน้ำจำเป็นต้องสังเกตว่ามีอากาศเพิ่มเข้ามาใน BCD ของตนหรือไม่ขณะกำลังขึ้นนะครับ เพราะอากาศเพียงเล็กน้อยที่อยู่ใน BCD ที่ความลึก จะขยายตัวได้มากขึ้นเมื่อเราขึ้นมาสู่ความตื้น หากเราไม่คอยสังเกตและปล่อยอากาศออกจาก BCD เราอาจจะลอยขึ้นเร็วโดยไม่รู้ตัว และไม่สามารถหยุดตรงจุดที่เราจะทำ safety stop ได้ครับ สิ่งที่ต้องคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ ถังอากาศของเรานั้น หากใช้จนเกือบหมดแล้ว จะลอยตัวมากกว่าตอนที่มีอากาศอยู่เต็ม เมื่อเราทำ safety stop ท้ายไดฟ์ที่อากาศในถังมีอยู่น้อย เราอาจจะตัวลอยมากกว่าที่คิดไว้ และทำ safety stop ด้วยความทุลักทุเลก็เป็นได้ วิธีป้องกัน คือ ควรหาจำนวนตะกั่วที่เราต้องใช้ด้วยการทำ Buoyancy Weight Check ในขณะที่อากาศมีอยู่น้อยในถังครับ…
อ่าน Safety StopDive Briefing สำคัญแค่ไหน?
คืนนั้นทะเลเรียบสวย แสงจันทร์ข้างขึ้นสว่างไสวไปทั่ว บนเรือ Liveaboard ลำหรูนั้น กลุ่มนักดำน้ำกำลังนั่งฟังการบรรยายสรุป (briefing) จาก Divemaster เนื่องจากเป็นการดำน้ำกลางคืน ครั้งแรกของทริป และเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ เดือน ของนักดำน้ำหลายคน ที่ไม่ได้ดำน้ำกลางคืน หรือสำหรับบางคน ไม่ได้ดำน้ำมาเป็นระยะเวลานานพอดู บรรยากาศจึงค่อนข้าง สนุกสนานครื้นเครง ทำให้นักดำน้ำหลายคน ไม่ได้สนใจกับการบรรยายของ Divemaster เท่าไรนัก การดำน้ำในคืนนั้น เป็นการดำในอ่าวของเกาะที่สวยงามแห่งหนึ่ง ในอ่าวเป็นแนวปะการังที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก กระแสน้ำในอ่าวนั้นแทบจะไม่มีเลย เพียงแต่ว่าหากดำหลุดเลยแนวปะการังไปแล้ว จะมีกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรงไหลผ่าน ด้านหน้าของอ่าวไปทางทิศเหนือ ในการบรรยาย Divemaster ได้อธิบายถึงสภาพแวดล้อม สภาพแนวปะการัง วิธีการนำทาง และได้เน้นอย่างมาก เรื่องการดำอยู่ชิดขอบแนวปะการัง อย่าดำนอกแนวปะการังไปตามพื้นทรายเด็ดขาด เนื่องจากอาจจะถูก กระแสน้ำพัด และว่ายกลับเข้าอ่าวที่เรือจอดอยู่ไม่ได้ เมื่อนักดำน้ำทั้งหมดลงไปดำน้ำกัน และขึ้นมาจนเกือบครบ Divemaster ได้สังเกตว่ามีนักดำน้ำหายไปสองคน หลังจากรอจนครบกำหนดเวลาที่นัดหมายในการดำน้ำแล้ว จึงเริ่มค้นหานักดำน้ำที่หายไป เรือได้ทำการค้นหานักดำน้ำทั้งสอง เป็นเวลาหลายชั่วโมง กว่าจะไปเจอทั้งคู่ ลอยคออยู่กลางทะเล ห่างไกลจากเกาะที่ดำน้ำ เป็นระยะทางไกลโข นักดำน้ำทั้งสอง อยู่ในสภาพที่หนาวสั่น และตกใจเป็นอย่างมาก โชคดีที่เขาทั้งสองมีไฟฉายสำรองคนละกระบอก ไม่ฉะนั้น เรืออาจจะไม่พบ พวกเขาจนถึงเช้า เนื่องจากพวกเขา ได้ใช้ถ่านของไฟฉายดวงหลักจนแสงไฟริบหรี่ เกินกว่าที่จะมองเห็นได้แล้ว หลังจากการสอบถาม จึงได้รู้ว่านักดำน้ำทั้งสอง ไม่ได้สนใจฟังการบรรยายสรุป และไม่รู้เลยว่าไม่ควรดำน้ำเลยแนวปะการัง ออกไป นักดำน้ำคนหนึ่งในนั้น ต้องการที่จะลองทดสอบการใช้เข็มทิศ จึงตีฟินว่ายน้ำออกไปนอกแนวปะการัง ทำให้ทั้งคู่ ไปติดอยู่ในกระแสน้ำในที่สุด ทั้งสองคนพยายามที่จะว่ายน้ำกลับมา แต่ว่ายจนเหนื่อยก็ไม่สามารถสู้กับกระแสน้ำได้ สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้ตัวลอยไป ตามความแรงของน้ำอย่างเหนื่อยอ่อน บทเรียนที่ได้ ไม่ว่าจะดำน้ำมานานแค่ไหน ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ดำน้ำเฉพาะแห่งนั้น เป็นข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยที่สำคัญมาก การบรรยายสรุปมีข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับความปลอดภัยในการดำน้ำ และเป็นเรื่องสำคัญที่นักดำน้ำทุกคนต้องรับรู้ และรับฟัง นักดำน้ำควรหยุดการเตรียมการทั้งหลาย และใส่ใจกับการบรรยายสรุปก่อนดำน้ำทุกไดฟ์ หากติดอยู่ในกระแสน้ำ ไม่ควรว่ายต้านน้ำจนหมดแรง ควรเติมลม และส่งสัญญาญขอความช่วยเหลือจะดีกว่า อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินสำคัญมาก และยิ่งสำคัญมากขึ้น เมื่อดำน้ำกลางคืน ควรมี Safety Sausage นกหวีด ไฟฉายสำรอง ฯลฯ ให้พร้อมเสมอเมื่อดำน้ำ โดยเฉพาะดำกลางคืน หมายเหตุ : ขอบคุณภาพประกอบและต้นเรื่องจาก ดร.พิชิต เมืองนาโพธิ์ และ FreedomDIVE เขียนโดย ดร. พิชิต เมืองนาโพธิ์ ปรับปรุงล่าสุด 15 ส.ค. 2550
อ่าน Dive Briefing สำคัญแค่ไหน?4 สาเหตุหลัก ที่ทำให้นักดำน้ำเสียชีวิต (DAN)
ข่าวร้าย : รายงานอุบัติเหตุจากการดำน้ำประจำปีของ DAN เผยให้ทราบถึง 4 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้นักดำน้ำเสียชีวิต ข่าวดี : สาเหตุเหล่านี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ (เขียนโดย Eric Douglas) คำถาม : นักดำน้ำรายหนึ่งซึ่งมีน้ำหนักตัวสูงกว่าเกณฑ์ พร้อมกับสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ เขาได้ตัดสินใจที่จะกลับมาดำน้ำหลังจากที่หยุดไปหลายปี เขาดึงอุปกรณ์ดำน้ำชุดเก่าลงมาจากชั้นเก็บของในโรงรถ กระโดดขึ้นเรือ และพยายามลงดำน้ำในแนวปะการังที่มีกระแสน้ำพัดไปมา ที่ระดับความลึก 80 ฟุต เขาดำน้ำด้วยความวิตกกังวล และยากลำบากตลอดทั้งไดฟ์ ทำให้เขาใช้อากาศที่มีอยู่หมดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพบว่าอากาศในถังใกล้จะหมด ด้วยความตกใจ เขารีบพาตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็วโดยปราศจากการควบคุม ทำให้ฟองอากาศเข้าสู่กระแสเลือดและเสียชีวิต อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ? คุณจะได้ A ถ้าคุณตอบว่า ทั้งหมดข้างต้น คือสาเหตุจากเหตุการณ์นี้ องค์ประกอบของอุบัติเหตุที่ได้รายงานไว้ใน “รายงานอุบัติเหตุประจำปีของ Divers Alert Network (DAN) ฉบับล่าสุด” ซึ่งได้ระบุว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายครั้งมักเกิดจากหลายๆ สาเหตุที่ประกอบกัน Dr. Petar Denoble ผู้อำนวยการด้านงานวิจัยของ DAN กล่าวว่า อุบัติเหตุแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น มีความแตกต่างกัน และบางเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อุบัติเหตุส่วนใหญ่ จะแสดงให้เห็นถึงห่วงโซ่ของเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน แล้วนำไปสู่ผลลัพธ์คือการเสียชีวิต ถ้าตัดการเชื่อมโยงที่จุดใดจุดหนึ่งในห่วงโซ่ออกไป ผลลัพธ์ก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน สุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำน้ำ ปัจจัยด้านสุขภาพมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของนักดำน้ำ ตัวอย่างเช่น การมีน้ำหนักตัวมากเกินไป โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ (แบบชั่วคราว หรือเรื้อรัง) ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาการบาดเจ็บก่อนมาดำน้ำ และการที่ร่างกายสูญเสียน้ำ เป็นต้น จากการศึกษา สาเหตุของการเสียชีวิตที่มากที่สุด พบว่า 74% เกี่ยวข้องกับการที่นักดำน้ำมีดัชนีมวลร่างกาย สูงกว่าเกณฑ์มาตราฐาน อ้วนเกินไป หรือมีการเจ็บป่วยเนื่องจากความอ้วน และอีก 15% เกี่ยวข้องกับนักดำน้ำ ที่มีความดันโลหิตสูง หรือเป็นโรคหัวใจ ปัจจุบันการดำน้ำเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยที่เคยถูกห้ามไม่ให้ดำน้ำเมื่อหลายปีก่อน สามารถทำการดำน้ำได้ อย่างไรก็ตามถ้าคุณเป็นผู้ที่มีอาการป่วยเหล่านี้ คุณจะต้องหมั่นตรวจเช็คอาการ และมั่นใจว่าคุณสามารถจัดการกับอาการต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีความดันโลหิตสูง การได้รับการรักษาที่ดี และการพยายามควบคุมระดับความดันโลหิต จะทำให้เกิดความเสี่ยงน้อยกว่าคนที่ไม่ได้มีการควบคุม การเจ็บป่วยชั่วคราวเช่น เป็นไข้ หนาวสั่น หรือเป็นภูมิแพ้อย่างรุนแรง สามารถก่อให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการป่วยถาวรหรือชั่วคราว ล้วนมีผลต่อการตื่นตัว การจดจำ และการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของคุณ หรือไม่เช่นนั้นคุณควรวางแผนการดำน้ำอย่างระมัดระวัง เพื่อให้การดำน้ำจบลงด้วยความปลอดภัย แม้แต่เวลาที่คุณเพิ่งหายจากการเจ็บป่วย หรือโรคเรื้อรังต่างๆ นั้น ได้รับการรักษาแล้วก็ตาม แต่ร่างกายของคุณก็ยังคงต้องการเวลาในการพักฟื้น เช่น เมื่ออาการไอของคุณหายไป คุณอาจจะยังมีอาการแน่นหน้าอกหลงเหลืออยู่…
อ่าน 4 สาเหตุหลัก ที่ทำให้นักดำน้ำเสียชีวิต (DAN)Safety Stop กับการเตะขาเบาๆ
แง่มุมเล็กๆ ของเรื่อง Safety Stop ที่นักดำน้ำทุกคนควรเข้าใจ และทำได้ถูกต้อง
อ่าน Safety Stop กับการเตะขาเบาๆการดำน้ำกลางคืน (Night Dive)
การดำน้ำกลางคืน หากท่านเป็นคนที่ดำน้ำเฉพาะเวลากลางวัน ท่านต้องรู้ตัวว่าได้ขาดอะไรไปหลายอย่าง สำหรับการดำน้ำทีเดียว สัตว์ทะเลหลายชนิดแอบซ่อนตัวอยู่ในเวลากลางวันและจะออกมาหากินในเวลากลางคืนเท่านั้น บางครั้งเวลาไปดำน้ำกลางคืนก็เคยพบเห็นสัตว์ที่ไม่ค่อยเห็นกลางวัน เช่น พวกกุ้ง ปู ปลาหมึกชนิดต่างๆ ปลากระเบน เคยเห็นกุ้งมังกรออกมาเดินไปเดินมาที่พื้นทะเล สัตว์ทะเลที่หากินกลางวันหลายชนิดก็ไปซ่อนตัวหรือซุกซ่อนในเวลากลางคืน เช่นปลานกแก้ว อาจจะหนีไปนอนหลับอยู่ใต้กอปะการัง บางตัวก็พ่นเมือกมาคลุมรอบตัว ที่เรียกกันว่าปลานกแก้วกางมุ้งไงล่ะครับ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราจะเห็นได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น สีสันต่างๆ ที่ถูกกลืนหายไปเวลาดำน้ำกลางวันก็จะเจิดจ้าขึ้นมาในเวลากลางคืน เนื่องจากแสงไฟจากไฟฉายของเรา แน่นอนครับ การดำน้ำในเวลากลางคืนนั้น เป็นเรื่องน่าสนุก น่าตื่นเต้น และท้าทายในตัวของมันเอง สำหรับคนที่ไม่เคยดำน้ำกลางคืน ทางที่ดีที่สุดก็คือไปเรียนในหลักสูตรการดำน้ำกลางคืน ซึ่งมีทั้งเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตร Advanced Open Water Diver หรือเน้นเรียนเฉพาะดำน้ำกลางคืนในหลักสูตร Night Diving Specialty เนื่องจากการไปเรียนเป็นเรื่องเป็นราวดังกล่าว จะทำให้สามารถดำน้ำได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัยมากกว่าเสี่ยงไปดำกันเองโดยไม่รู้ครับ แต่อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่เรียนมาแล้ว การเรียนรู้ก็ไม่ได้สิ้นสุดอยู่เพียงแค่จบหลักสูตรนะครับ ความรู้ยังมีให้แสวงหาอีกมากมายครับ การเตรียมอุปกรณ์ในการดำน้ำกลางคืน ควรมีไฟฉาย สิ่งที่แน่นอนที่สุดที่ควรจะมี สำหรับการดำน้ำกลางคืนแล้วไฟฉายดวงเดียวก็ไม่น่าจะพอเพียง สำหรับการดำน้ำอย่างสนุกสนานและปลอดภัยนะครับ น่าจะมีอย่างน้อยสักสองดวง วิธีการเลือกไฟฉายดวงหลักของเราก็ควรเป็นไฟฉายขนาดใหญ่สักหน่อย และการจมลอยควรเป็นลบสักนิด เวลาทำตกลงไปในน้ำมันจะได้หงายขึ้นและทำให้เรามีโอกาสหามันพบได้ง่าย ส่วนไฟฉายดวงสำรองของเรานั้นก็น่าจะมีขนาดเล็ก หากจะให้ดี ควรเล็กพอที่จะเก็บใส่กระเป๋าเอาไว้ และสามารถนำไปใช้ในเวลากลางวันได้ด้วย ไฟทั้งสองดวงของเรา หากจะให้ดีควรจะมีสายรัด สำหรับดวงหลักก็ควรรัดติดข้อมือไว้เลย ส่วนดวงสำรองก็น่าจะมีห่วง หรือคลิปสำหรับติดไว้กับตัวเราเช่นกัน สำหรับไฟฉายที่มีอยู่สองกระบอกนั้น จุดมุ่งหมายสำหรับดวงสำรองก็คือเอาไว้ใช้ขึ้นเวลาไฟฉายดวงหลักดับนะครับ ไม่ใช่เอาไว้ดำต่อเวลาดวงหลักดับไปแล้ว เนื่องจากหากไฟฉายทั้งสองของเราดับไป การขึ้นก็จะยากลำบากกว่ามีไฟหลายเท่า รวมทั้งการให้สัญญาณกับเรือก็จะทำได้ยาก ลองนึกดูนะครับ หากเราไม่มีไฟฉายเวลาขึ้นมาที่ผิวน้ำ แล้วจำเป็นต้องขึ้นมาห่างจากเรือ ขณะที่มีกระแสน้ำ เรืออาจจะไม่เห็นเรา แล้วกระแสน้ำก็พัดพาเราห่างจากเรือไป ความรู้สึกตอนนั้นคงไม่ค่อยจะอยู่เย็นเป็นสุขเท่าไรนักนะครับ ไฟอีกประเภทหนึ่งที่น่าใช้งาน คือไฟที่สามารถติดกับศีรษะของเรา เวลาเรามองไปทางไหน ก็จะหันไฟไปทางนั้น ทำให้มือทั้งสองของเราว่าง ไม่ต้องคอยถือไฟฉายอยู่ สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ ต้องไม่หันไปมองหน้าใคร เพราะแสงไฟของเราก็จะส่องเข้าหน้าเขาไปด้วย อาจทำให้ผู้นั้นมองอะไรไม่เห็นไปสักพัก นอกจากไฟฉายสำหรับส่องมองสิ่งต่างๆ แล้ว ไฟอีกชนิดหนึ่งที่น่าจะมีก็คือไฟ Marker Light สำหรับให้คนอื่นๆ มองเห็นและหาตัวเราได้ ไฟ Marker Light นี้มีทั้งแบบไฟแว๊บหรือไฟที่ติดอยู่ตลอดเวลา การใช้ไฟแบบนี้ทำให้เกิดความสะดวกและลดโอกาสในการพลัดหลงกันในที่มืดเป็นอย่างดี นอกจากนั้น การติดเทปสะท้อนแสงต่างๆ ไว้กับตัวเราเช่นติดไว้กับ BCD ก็น่าจะดี เพราะทำให้คนอื่นเห็นเราชัดขึ้นภายใต้แสงไฟฉาย เวลาขึ้นมาบนผิวน้ำเรือก็สามารถที่จะเห็นเราได้โดยง่ายอีกด้วย สิ่งที่เราสามารถจะใช้สื่อสารกับเรือเวลาขึ้นมาสู่ผิวน้ำแล้ว อาจจะมีนกหวีดดีๆ สักตัว และก็ Safety Sausage สักอันหนึ่งก็น่าจะทำให้อุ่นใจได้มากขึ้นเยอะ เนื่องจากทะเลนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา เวลาที่เราเริ่มดำน้ำลงไปทะเลอาจเรียบดังกระจก แต่เมื่อขึ้นมาอาจจะมีคลื่นลมรุนแรงก็เป็นได้ นกหวีดจะช่วยได้มากเวลาต้องการเรียกเรือขณะที่มีเสียงอื้ออึงของคลื่นลม และ Safety Sausage ก็จะเป็นประโยชน์กว่าการโบกมือเรียกเรือในความมืดมิดอย่างแน่นอนครับ นอกจากเรื่องไฟต่างๆ…
อ่าน การดำน้ำกลางคืน (Night Dive)ดำน้ำลึก (Deep Diving) ยังไงดี
เทคนิคการดำน้ำลึก สำหรับดำน้ำลึกครั้งแรก และทุกๆ ครั้ง คุณดำน้ำอย่างเพลิดเพลินที่กำแพงใต้น้ำแห่งหนึ่ง ข้างใต้ดูเหมือนว่าจะไม่มีพื้น ข้างกำแพงด้านที่ลึกลงไป มีปะการัง แส้ทะเล ฟองน้ำ สีสวยสดงดงามเต็มไปหมด คุณหายใจออก และเริ่มดำลงไปเรื่อยๆ ปรับแรงดันในโพรงอากาศเมื่อแรงกดดันของน้ำเพิ่มขึ้น ในขณะที่มาตรวัดความลึกมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทุกที ใต้น้ำในความลึกนี้ สุ้มเสียงต่างๆ ก็เงียบสงบมากกว่าด้านบน การเคลื่อนไหวก็ทำได้จำกัดกว่าเนื่องจากแรงกดดันที่มากมาย ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความรู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน ความท้าทายและความรื่นรมย์ของการดำน้ำลึกนี้เองที่ทำให้เห็นเด่นชัดว่าทำไม นักเรียนดำน้ำที่เพิ่งจบมาและถูกบอกไว้ว่าให้ดำน้ำได้ไม่เกิน 18 เมตร (60 ฟุต) นั้น บางครั้งเป็นเหมือนใบอนุญาตให้เฝ้าดูงานปาร์ตี้ที่หน้าประตู ไม่ให้เข้าไปด้านใน การดำน้ำลึกลงไปตั้งแต่ 18 เมตร (60 ฟุต) จนถึง 40 เมตร (130 ฟุต) นั้น นอกจากทำให้มีพื้นที่สำรวจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว ยังมีประสบการณ์อื่นๆ อีกมากมายที่ไม่สามารถพบได้ในน้ำตื้น เช่น ซากเรือจมทั้งหลายที่มีปลาตัวโตๆ ก็มักอยู่ในน้ำลึก สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ การดำน้ำลึกนั้นควรต้องมีการระมัดระวังที่ดี โรคเบนด์และการเมาไนโตรเจนมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าภายใต้ความลึกที่เพิ่มขึ้น การขึ้นแบบฉุกเฉินก็จะมีอันตรายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่หากคุณได้รับการฝึกอย่างถูกต้อง มีอุปกรณ์ที่มีคุณภาพครบครัน การดำน้ำลึกก็จะปลอดภัยและตื่นเต้น ก่อนจะเริ่มดำน้ำลึก 1 เรียนในขั้นสูง ใต้น้ำลึกกว่า 18 เมตรนั้นความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่โตขึ้นมาได้ ความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อดำน้ำตื้นนั้น ไม่สามารถให้มันเกิดขึ้นได้ขณะดำน้ำลึก การเรียนในชั้นเรียน Deep Diving หรือ Advanced Open Water Course จะสอนให้เกิดทักษะที่เฉพาะเจาะจง สำหรับการดำน้ำภายใต้ความลึกนี้ และสิ่งที่สำคัญ การเรียนระดับสูงจะเน้นหลักความปลอดภัยที่คุณได้เรียนในขั้นต้นมาแล้ว เพื่อคุณจะได้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องในเวลาที่จำเป็นทุกๆ ครั้ง จุดหนึ่งที่น่าคิดคือการใช้เทคนิคการดำน้ำให้ปลอดภัยที่ได้เรียนมาในขั้นต้นแล้วนั้น มาสร้างให้เกิดเป็นนิสัยการดำน้ำของเราเอง 2 รักษาอุปกรณ์ดำน้ำ เร็กกุเลเตอร์ของคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ มันได้รับการดูแลและซ่อมบำรุงภายในหกเดือนที่ผ่านมาหรือเปล่า หายใจได้สะดวกดีหรือไม่ ท่าทางมีโอกาสจะรั่วหรือ free flow หรือเปล่า มีฟองอากาศที่จุดเชื่อมต่อสายหรือไม่ เร็กฯ ทุกตัวจะมีประสิทธิภาพเสื่อมลงทุกทีที่ถูกทิ้งไว้บนหิ้งเป็นเวลานานๆ และการไม่ทำการซ่อมบำรุงก็เป็นสาเหตุหลักของเร็กฯ ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ควรนำไปซ่อมบำรุงวันนี้เลยนะครับ นอกจากนั้น บีซีดีมีรอยรั่วหรือเปล่า ปุ่มกดเติมและปล่อยลมทำงานดีหรือไม่ มีการติดขัดและมีฟองอากาศรั่วออกมาให้เห็นหรือไม่ เช่นเดียวกันนะครับ คอมพิวเตอร์มีการดูแลรักษาดีแค่ไหน แบตเตอรรี่ใช้มานานหรือยัง มาตรวัดความลึกมีความเที่ยงตรงหรือเปล่า และนานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้เอาอุปกรณ์ดำน้ำของคุณออกมาจากถุงเก็บ ทำความสะอาด และตรวจสอบมัน จุดสำคัญคือ สิ่งเล็กน้อยที่แค่ทำให้รำคาญในความลึก 10 เมตร อาจจะเป็นปัญหาร้ายแรงที่ความลึกมากๆ ก็เป็นได้ 3 ตั้งขีดจำกัด การได้รับใบ certification ในการดำลึกไม่ได้เป็นบัตรอนุญาตให้ดำลึกเกินขีดจำกัดของการดำน้ำแบบ recreational นั่นคือความลึก 40 เมตร…
อ่าน ดำน้ำลึก (Deep Diving) ยังไงดีการขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัย
การขึ้นสู่ผิวน้ำ เมื่อเราจะจบการดำน้ำในแต่ละไดฟ์นั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อาจจะเรียกได้ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในการดำน้ำก็ว่าได้ เนื่องจากอันตรายที่หากจะมีจากการดำน้ำ มักจะเกิดขึ้นขณะขึ้นจากความลึกสู่ความตื้นมากกว่า อย่างไรก็ดี อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการขึ้นสู่ผิวน้ำนั้นหลีกเลี่ยงได้โดยง่าย หากนักดำน้ำมีความระมัดระวังและทำตามขั้นตอนของความปลอดภัยทุกครั้ง ปัญหาที่มักจะพบอยู่บ่อยๆ ก็คือ นักดำน้ำทราบขั้นตอนในการขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัยเป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่สนใจที่จะทำตามขั้นตอนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดำน้ำจนเกิดความชำนาญแล้ว จะข้ามขั้นตอนของความปลอดภัยกันหลายอย่างด้วยกัน สำหรับขั้นตอนในการขึ้นสู่ผิวน้ำที่ปลอดภัย ในความเห็นของผมน่าจะมีดังนี้ครับ ตกลงและให้สัญญาณกับบัดดี้ของเรา เนื่องจากว่าการพลัดหลงกับบัดดี้มักจะเกิดขึ้นโดยง่ายและเกิดขึ้นบ่อยๆ ขณะดำลงและดำขึ้น จึงควรให้สัญญาณกับบัดดี้ว่าจะเริ่มดำลงหรือจะเริ่มขึ้นสู่ผิวน้ำ และหากดำน้ำไปเป็นกลุ่มก็ควรให้สัญญาณกับไดฟ์มาสเตอร์หรือผู้นำกลุ่มด้วยจะยิ่งดีขึ้น ตรวจสอบเวลาในการดำน้ำ เนื่องจากมีหลายครั้งที่นักดำน้ำขึ้นมาสู่ผิวน้ำขึ้นมาบนเรือแล้ว ลืมตรวจสอบเวลาในการดำน้ำ (bottom time) และทำให้ยากต่อการวางแผนการดำน้ำ ครั้งต่อไป การตรวจสอบด้วยการดูนาฬิกาหรือเครื่องมือจับเวลาใต้น้ำ ก่อนที่จะเริ่มขึ้นมาสู่ผิวน้ำจะเป็นวิธีการที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเราทำจนเป็นนิสัย การขึ้นสู่ผิวน้ำจะยิ่งสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น หากเราสามารถหาสิ่งที่จะใช้ช่วยในการขึ้น เช่น เชือกสมอ เชือกทุ่น ผนังหน้าผา กำแพงใต้น้ำ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชือกนั้นจะช่วยให้เราสามารถควบคุมอัตราความเร็วในการขึ้นได้เป็นอย่างดี หากเราไม่มีเครื่องช่วยเหล่านี้ เราก็ควรที่จะให้ความสนใจกับอุปกรณ์ของเรา เช่น มาตรวัดความลึกและนาฬิกา เพื่อจะควบคุมอัตราความเร็วในการขึ้น นอกจากนั้น เราต้องคอยระวังกระแสน้ำ ควรสังเกตฟองอากาศ ควรสังเกตบัดดี้ของเรา ในขณะเดียวกันด้วย ควรเตรียมพร้อมก่อนที่จะเริ่มขึ้น นักดำน้ำควรจับท่อ low pressure inflater ชูขึ้นไว้ก่อนที่จะเริ่มขึ้น ที่ให้จับท่อไว้ไม่ใช่ให้เติมลมเพื่อช่วยในการขึ้นนะครับ การเติมลมเพื่อช่วยให้ขึ้นได้ง่ายขึ้นนั้น ควรจะหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด เนื่องจากหากไม่ชำนาญหรือหากไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีพอแล้ว จะทำให้เราขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความเร็วสูงเกินไป เนื่องจากการขยายตัวของอากาศในเสื้อ BCD ของเรา การจับท่อเอาไว้นั้นเพื่อจะได้คอยปล่อยลมออกจาก BCD เมื่อรู้สึกว่าอากาศขยายตัวและทำให้อัตราความเร็วของเราเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ ในขณะเดียวกัน เราชูท่อปล่อยอากาศเอาไว้ในมือซ้าย มือขวาของเราก็ควรที่จะยกชูขึ้น เหนือศีรษะไว้ด้วย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ศีรษะของเราไปกระแทกกับอะไร ขณะที่ขึ้น จริงอยู่ครับ ถึงแม้ว่าเราจะเงยหน้าในขั้นตอนต่อไปของการขึ้นอย่างปลอดภัย แต่การชูมือไว้เป็นนิสัยนั้นจะยิ่งทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น เนื่องจากบางครั้งเราอาจมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่เหนือศีรษะหรือบางครั้งเราก้มลงไปดูอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องคอยสังเกต เช่น นาฬิกา มาตรวัดความลึก หรือ Dive Computer ก่อนจะเริ่มขึ้นสู่ผิวน้ำ การเตรียมพร้อมมีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือการเงยหน้าและหมุนไปรอบๆ เพื่อจะดูว่ามีอะไรขวางทางเราอยู่หรือไม่ ขณะที่เราจะเริ่มว่ายขึ้นสู่ความตื้น หากไม่เงยหน้าและไม่หมุนตัวดูให้ดี เราอาจว่ายขึ้นไปชนกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่เหนือตัวเราขึ้นไป บางครั้งอาจเกิดการบาดเจ็บขึ้นก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไปชนเอาสัตว์ทะเลที่มีพิษ เช่น แมงกะพรุน จากนั้นก็เริ่มการว่ายน้ำขึ้นสู่ผิวน้ำ จะต้องช้า ยิ่งช้าเท่าไรยิ่งดี จากเอกสารหลายฉบับที่ค้นคว้ามา ก็พบว่า มีการแนะนำให้ขึ้นด้วยความเร็วไม่เกิน 18 เมตร (60 ฟิต) ต่อนาที และยิ่งไปกว่านั้น หลายแหล่งแนะนำว่าควรขึ้นให้ช้ากว่านั้นอีก คือควรเป็น 9 เมตร (30 ฟิต) ต่อนาที ซึ่งความเร็วขนาดนี้…
อ่าน การขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัยวิธีการคุมการจมลอย: การเติมลมและปล่อยลมจาก BCD
เพื่อนๆ เวลาดำน้ำคงต้องการที่จะปรับตัวให้เป็นกลางตลอดเวลาใช่ไหมล่ะครับ (ยกเว้นเวลาลอยตัวบนผิวน้ำและเวลาจะดำลง) เพื่อจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมใต้น้ำ เคยเห็นเพื่อนๆ นักดำน้ำหลายคนต้องใช้เวลามาก และประสบกับความลำบากเวลาปรับการจมลอย หากท่านเป็นคนหนึ่งในนั้น ลองทำตามนี้ดูนะครับ เวลาดำน้ำลงไป ให้พยายามปรับการจมลอยตลอดเวลา อย่าปล่อยให้ตัวจมดิ่งลงไปเหมือนกับก้อนหิน วิธีนี้จะทำให้เราเป็นกลางจนกระทั่งถึงความลึกที่หมาย และปรับให้เป็นกลางง่ายขึ้นครับ การปรับการจมลอยตลอดเวลานั้น ก็หมายความว่าตั้งแต่ศีรษะมุดน้ำลงไปเลยนะครับ ฉะนั้น เราจะไปปล่อยลมออกจนหมด BCD นั้นไม่ได้ ต้องค่อยๆ ปล่อย แล้วก็พยายามหายใจออกยาวๆ ตัวเราจะจมช้ามากครับ บางครั้งถึงขนาดเวลาหายใจเข้าแรงๆ หรือยาวๆ ตัวก็จะกลับลอยขึ้นมาอีก พยายามฝึกบ่อยๆ ทุกครั้งที่ดำลงก็จะชำนาญมากขึ้นครับ ครั้นพอตัวลงไปได้สักนิดหนึ่งแล้ว แรงกดดันของน้ำจะทำให้ตัวเราจมลงง่ายกว่าเดิม จนกระทั่งอาจจะจมเกินไป ตอนนี้ก็ต้องเติมลมเข้า BCD ทีละนิดเช่นกันครับ เติมลมแล้ว ลองหายใจเข้าดูซิ ว่าเราสามารถหยุดอยู่กับที่ ไม่จมไม่ลอยได้หรือไม่ แล้วจึงค่อยๆ หายใจออกยาวๆ ต่อครับ เวลาดำน้ำ หากจะปรับการจมลอย ก็ให้เติมลม หรือปล่อยลมออกทีละนิด ช่วงแรกๆ อาจจะต้องหันหน้าไปดูปริมาณลมที่ปล่อยออกด้วยนะครับ เคยเห็นนักดำน้ำหลายคนปล่อยลมออกมากเกินไป เพราะนึกว่ากดนิดเดียวมันคงไม่ออกไปเยอะ เมื่อเราหันไปดูปริมาณอากาศบ่อยๆ เข้า เราก็จะรู้เองว่ากดขนาดไหน ลมออกเท่าไร ต่อไปก็ไม่ต้องหันไปดูแล้ว จนกว่าจะเปลี่ยนอุปกรณ์ดำน้ำใหม่ เวลาปล่อยลมออก เคยเห็นนักดำน้ำหลายคนพยายามปล่อยลมออกจากท่อขณะที่ตัวอยู่ในแนวขนาน ทำอย่างนั้นกดเท่าไรลมก็ไม่ออกนะครับ เพราะลมจะไปอยู่ในส่วนบน (กลางหลังของนักดำน้ำที่ทำตัวขนาน) ของ BCD หมด หากจะปล่อยลมให้มีประสิทธิภาพ ต้องทำตัวตั้งขึ้นตรงๆ ครับ หากกลัวว่าทำตัวตั้งตรงแล้วจะลอยขึ้น ก็ให้ปักศีรษะดำดิ่งลงไปสักนิดหนึ่งก่อน แล้วค่อยงัดศีรษะขึ้นตั้งตรงครับ การปล่อยหรือเติมลมทีละนิดนี่ ต้องทดสอบด้วยการหายใจด้วยนะครับ ว่าปล่อยหรือเติมพอดีหรือยัง เช่น หากเราตัวจมเกินไป เราก็ต้องเติมลมเข้า BCD นิดหนึ่ง แล้วจึงหายใจเข้ายาวๆ ดูซิว่าเราหยุดจมไหม หากยังจมอยู่ ก็ให้เติมเข้าไปอีกนิดหนึ่ง แล้วหายใจเข้ายาวๆ ใหม่ จนกว่าตัวจะหยุดอยู่กับที่นั่นแหละครับ ในทางตรงกันข้าม หากตัวเราลอยเกินไป เราก็ต้องปล่อยลมออกจาก BCD ปล่อยแล้วลองหายใจออกยาวๆ ดูซิว่าเราหยุดลอยหรือไม่ก่อนนะครับ หากไม่หยุดลอยค่อยเติมลมเข้าอีกนิดหนึ่ง การปรับด้วยการเติมและปล่อยลมนี่ จำเป็นต้องรอเวลาสักชั่วขณะหนึ่งนะครับ เวลาเราปล่อยลมแล้วนี่ ตัวเราจะไม่จม (หรือหยุดลอย) ทันที คนที่ไม่มีประสบการณ์อาจจะปล่อยลมอีก เพราะนึกว่ายังปล่อยไม่พอ ทำให้ตัวจมเกินไป หรือเวลาเติมลม ตัวเราก็จะไม่ลอยทันที (หรือหยุดจม) เหมือนกัน คนที่ไม่รู้ก็อาจจะเติมลมอีก เพราะนึกว่าลมเข้าไม่พอ ทำให้ตัวลอยอีก เคยเห็นนักดำน้ำเติมลม ปล่อยลม สลับกันไปอย่างนี้ตลอดเวลา น่าเหนื่อยแทนครับ แถมสงสัยว่าอากาศ 3000 psi นี่น่าจะใช้หายใจจริงๆ แค่ 500 psi…
อ่าน วิธีการคุมการจมลอย: การเติมลมและปล่อยลมจาก BCDก่อนลงดำน้ำ
ในการดำน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ที่มีความลึก หรือในสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่ท้าทายกว่าสภาพปกติ การเตรียมพร้อมก่อนการลงน้ำเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับความปลอดภัย และความสนุกสนานในการดำน้ำครั้งนั้น สิ่งที่น่าคำนึงถึงสำหรับการเตรียมพร้อมก่อนลงน้ำน่าจะมีดังต่อไปนี้ครับ ให้ทำการตรวจสอบบัดดี้ก่อนลงน้ำ (Buddy Check/Predive Check) อย่างละเอียด ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอากาศเป็นพิเศษ เช่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่า อากาศในถังมีอยู่เต็มถึงแม้ว่าจะเห็นว่ามีอยู่เต็มก่อนที่จะตรวจสอบแล้วก็ตามที ก่อนลงน้ำต้องตรวจสอบอีกนะครับ บางที ถังหรือสายต่างๆ อาจจะรั่วโดยที่เราไม่รู้ขณะที่วางชุดดำน้ำที่ประกอบเสร็จแล้วไว้ ช่วงรอการดำน้ำไดฟ์ต่อไปก็ได้ สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เรามักละเลยก็คือ แหล่งอากาศสำรอง (alternate air source) หรือ octopus ของเรานั่นแหละครับ ตรวจสอบให้ดีนะครับว่ามันยังทำงานได้ดีอยู่ บางครั้งเราเห็นว่ามี octopus แต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเป็นเวลานานๆ มันอาจจะเสียไปแล้วโดยที่เราไม่รู้ก็ได้ครับ นอกจากนั้น ตรวจสอบให้ดีนะครับว่าวาล์วเปิดอย่างเต็มที่แล้ว วาล์วที่เปิดไม่สุดนั้นอาจจะทำงานได้เป็นอย่างดีในน้ำตื้น แต่พอลงไปลึกแล้วอาจจะจ่ายอากาศไม่เพียงพอได้ ในกรณีนี้ สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นได้ก็คือ เข็มของมาตรวัดแรงดันอากาศของเราจะแกว่งขึ้นลงในช่วงที่เราหายใจเข้าให้เห็นได้อย่างเด่นชัด แสดงว่าวาล์วเปิดไม่สุดครับ หลังจากนั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่เราจะได้ใช้วิชาจิตวิทยาให้เป็นประโยชน์แก่เรา ในการดำน้ำไดฟ์นั้นนะครับ วิธีการทบทวนในใจ (Mental Rehearsal) หรือการจินตภาพ (Imagery) เป็นเทคนิคที่ดีมาก สำหรับใช้ก่อนการแสดงความสามารถทุกชนิดรวมถึงการดำน้ำด้วยครับ ให้เริ่มด้วยการหลับตาลง หายใจลึกๆ ช้าๆ ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ในขณะนั้นให้ได้เสียก่อน จากนั้นให้นึกภาพของการดำน้ำไดฟ์ที่จะถึงนั้นในใจให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากสามารถฝึกจนรู้สึกด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมด คือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และการรับรู้การเคลื่อนไหวได้ด้วยก็จะยิ่งดี ให้จินตนาการว่าตัวเราและบัดดี้ทำการดำน้ำตามแผนที่วางไว้ ให้เห็นภาพและรู้สึกทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มดำลงไปจนขึ้นมาสู่ผิวน้ำ เทคนิคเหล่านี้อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่จากการศึกษาวิจัยทางจิตวิทยาการกีฬา ก็ได้ค้นพบและมีหลักฐานยืนยันว่ามันได้ผล ทำให้ความสามารถดีขึ้นจริงๆ ครับ การจินตภาพหรือการทบทวนทักษะในใจจึงเป็นเทคนิคที่นักกีฬาระดับโลกเกือบหรือทุกคนใช้ทำก่อนการแข่งขันเสมอ Divemaster ที่สามารถและมีความรู้เรื่องจิตวิทยาบางคน ก็อาจจะทำให้นักดำน้ำได้ทำการจินตนาการภาพดังกล่าวได้โดยไม่รู้ตัว จากวิธีการบรรยายสรุปก่อนการลงน้ำ (Predive Briefing) ด้วยการบรรยายจนเห็นภาพและรับรู้ทุกขั้นตอนของการดำน้ำไดฟ์นั้นครบ สุดท้าย สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างมากก่อนการดำน้ำก็คือ ต้องไม่ให้ใครมาเร่งให้เราลงน้ำ และต้องไม่เร่งตัวเองให้รีบลงน้ำหากเรายังไม่พร้อมด้วยนะครับ เพราะการรีบเร่งลงน้ำ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม มักทำให้เกิดความผิดพลาดเสมอ เราต้องต่อต้านแรงกดดันจากกลุ่มหรือแม้กระทั่ง Divemaster และกัปตันเรือ ที่จะเร่งให้เราลงน้ำนะครับ เพราะตัวเราเท่านั้นที่จะเป็นผู้รับผิดชอบ และรับผลที่จะเกิดขึ้นครับ เขียนโดย ดร. พิชิต เมืองนาโพธิ์ เผยแพร่ครั้งแรก ก่อน 2 ต.ค. 2550
อ่าน ก่อนลงดำน้ำ