ไป Freedive เกาะช้าง ไปยังไง ได้เจออะไรบ้าง

“Freedive เกาะช้าง” ไปแค่สองวันไปได้หรือไม่ โดยทั่วไปคนจะคิดว่าต้องมีวันหยุดยาวๆ ถึงจะไปที่นี่ได้ แต่โดยมากมักจะหาวันหยุดหรือลางานได้ยาก ทริปนี้เลยตัดสินใจไปเที่ยววันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย รองจากเกาะภูเก็ต ตั้งอยู่ในทะเลทางด้านภาคตะวันออกของไทยอยู่ในเขตจังหวัดตราด ระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 400 กิโลเมตร ถ้าชอบไป freedive ,snorkeling ไปเที่ยวที่ที่มี ทะเล ภูเขา น้ำตก ป่าไม้ร่มรื่น ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะ แนะนำที่นี่เลยครับ มีครบ วิธีไป freedive เกาะช้าง โดยรถทัวร์ การเดินทางไปเกาะช้าง สามารถเดินทางไปได้หลายวิธี แต่รอบนี้ไปเที่ยววันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เลยนั่งรถทัวร์ไปจะได้ไม่เหนื่อยมาก เนื่องจากนอนหลับบนรถได้ ตื่นเช้ามาก็ไปเที่ยวได้เลย เริ่มต้นที่เดินทางที่ ขนส่งหมอชิต โดยจองตั๋วรถทัวร์ 999 ของ บขส. ราคาประมาณ 200 บาท ออกเดินทางตอนกลางคืนเพื่อที่จะได้ไปถึงเกาะตอนเช้า รถทัวร์ออกตอน 4 ทุ่ม สภาพของรถทัวร์ไม่ได้ดีมากจนนอนได้อย่างสบาย แต่ก็ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ พอขึ้นรถทัวร์ปุ๊บก็เตรียมตัวนอนเพื่อจะได้มีแรงไปดำน้ำตอนเช้า รถวิ่งไปเรื่อยๆจนมาถึง บขส. ตราด ตอนตี 3 ลงจากรถทัวร์มา ยังไม่มีรถไปท่าเรือ เลยนอนต่อที่เก้าอี้ยาว ใน บขส รอรถไปท่าเรือ รถไปท่าเรือจะออกประมาณ ตี 5 ค่ารถคนละ 80 บาท รถจะไปส่งที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์เฟอรี่ ระยะทางไกลพอสมควร นั่งรถประมาณ 30 นาที พอถึงก็ลงมาซื้อตั๋วเรือขาไป 80 บาท ที่จุดขายตั๋ว มีตั๋วรถตู้ไปส่งที่พักบนเกาะขายด้วย แต่ถ้าจะเช่ามอเตอร์ไซค์บนเกาะ เมื่อไปถึงเกาะก็สามารถเช่าได้ตรงท่าเรือ หรือมีรถจากโรงแรมมารับก็ไม่ต้องซื้อ พอใกล้ๆ 6 โมงจะมีรถสองแถว ไปส่งที่เรือ หรือถ้าใครขับรถมาเอง ก็ไปต่อแถวรอเอารถขึ้นเรือได้เลย ใช้เวลานั่งเรือข้ามไปเกาะช้างประมาณ 30 นาที ก็จะถึงเกาะ ออกไปดำน้ำ ก่อนมาเกาะช้าง ติดต่อเรือของ BB freedive ไว้ ถ้ามาคนเดียวต้องจ้างไกด์ไปดำน้ำด้วย วันละ 2,500 บาท ถ้ามากับเพื่อน ไม่จ้างไกด์ก็คิดคนละ 1,500 บาท บอกเขาให้มารับที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์ หลังจากลงจากเรือ ก็จะเจอร้านค้า มานั่งกินข้าวรอรถมารับไปดำน้ำ ที่นี่มีให้เช่ามอเตอร์ไซค์ด้วย ค่าเช่าวันละ 200 บาท ค่ามัดจำ 1000 บาท รถจากร้านดำน้ำจะมารับประมาณ…

อ่าน ไป Freedive เกาะช้าง ไปยังไง ได้เจออะไรบ้าง

Freedive ในทะเลใสๆ มันมีอะไรที่ เกาะสุรินทร์

เกาะสุรินทร์ เป็นที่ที่แรก ที่ทำให้ผมสนใน freedive ตอนนั้นยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าจะดำน้ำลงไปได้ยังไงโดยไม่ต้องใส่เสื้อชูชีพ ได้แต่ลอยอยู่บนผิวน้ำ แต่ก็ยังรู้สึกทึ่งกับความสวยงามที่อยู่ใต้ทะเลมาก ถ้าใครได้ไปจะรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ไปแน่นอน แนะนำ เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสุรินทร์เป็นที่ที่มีน้ำทะเลสวยงาม และปะการังมากมาย เป็นอุทยานแห่งชาติ ในพื้นที่ของ อ.คุระบุรี จ.พังงา ใช้เวลานั่งเรือจากท่าเรือคุระบุรีไปถึงเกาะประมาณ 1 ชั่วโมง มีที่พักบนเกาะหลักๆ 2 ที่ คือ ที่อ่าวช่องขาด และ อ่าวไม้งาม ประกอบด้วยเกาะต่างๆ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะมังกร เกาะสตอร์ค และเกาะตอริลลา จุดดำน้ำ freedive และ snorkelling เกาะสุรินทร์ อ่าวช่องขาด – เป็นจุดดำน้ำที่อยู่ใกล้ๆ เกาะสุรินทร์เหนือซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยาน เป็นจุดที่มีปะการังและปลามากมาย อ่าวแม่ยาย – เป็นจุดที่คลื่นไม่แรง เพราะมีเกาะบังลมไว้ และอยู่ใกล้อ่าวช่องขาด เลยได้ไปดำจุดนี้บ่อยๆ แต่ตอนนี้ปิดเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟู อ่าวสุเทพ – อยู่ทางด้านทิศใต้ของเกาะ เป็นอีกจุดที่ปะการังสวย บรรยากาศมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากจุดอื่น มีกัลปังหาสวยๆ อยู่ที่ความลึกประมาณ 10 เมตร อ่าวบอน – จุดนี้อยู่ใกล้กับอ่าวช่องขาด ใกล้ๆกับหมู่บ้านชาวมอแกน อ่าวไทรเอน – อยู่ทางไปเกาะสตอร์ค เป็นอีกที่หนึ่งที่ปะการังสวยงาม บนชายฝั่งของอ่าวมีต้นไทรมากเลยได้ชื่อว่าอ่าวไทรเอน เมื่อก่อนชาวมอแกนอาศัยอยู่ที่อ่าวนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์สึนามิถล่ม ก็ย้ายไปอยู่ที่อ่าวบอนแทน เกาะสตอร์ค – อยู่ด้านเหนือของเกาะสุรินทร์ เป็นเกาะที่สามารถมองเห็นชายแดนพม่าได้มากที่สุด ปัจจุบันเป็นเขตอนุรักษ์ของอุทยาน อ่าวเต่า – เป็นจุดที่มีแนวปะการังสวยงาม เป็นที่วางไข่ของเต่า เลยได้เห็นเต่าบ่อยๆ อ่าวผักกาด – อ่าวนี้อยู่ถัดมาจากอ่าวเต่า มีปะการังและปลามากมายหลายชนิด ถ้าไปจุดที่น้ำตื้นควรระวังปะการังเวลาว่ายน้ำ เกาะตอริลลา – เป็นจุดดำน้ำที่กว้าง และมีกองหินใต้น้ำที่สวยมาก มีปะการังเขากวางและปลาหลากหลายชนิด แต่ที่นี่มีกระแสน้ำแรงควรใช้ความระมัดระวังในการดำน้ำ หินแพ – เป็นกองหินอยู่กลางทะเล ปกติกระแสน้ำค่อนข้างแรง มีกัลปังหาใหญ่อยู่ตรงโขดหิน บางวันที่อากาศดีน้ำจะใส เหมือนว่ายในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ อ่าวกระทิง – เป็นอ่าวที่อยู่ทางไปอ่าวไม้งาม เป็นจุดดำน้ำที่ตื้นมาก ไม่มีปะการังแต่มีหญ้าทะเลเยอะเลยเป็นจุดที่พบเจอเต่าเยอะมาก การเดินทางไป เกาะสุรินทร์ ก่อนไปจองตั๋วเรือไป-กลับของบริษัทซาบีน่า ราคา 1,700 บาท (มัดจำ1,000 บาท) แล้วโทรไปแจ้งก่อนวันเดินทาง 1 วันเพื่อที่บริษัทจะส่งรถมารับที่ บขส. ตอนเดินทางไปถึง…

อ่าน Freedive ในทะเลใสๆ มันมีอะไรที่ เกาะสุรินทร์

เรียน Freediving ตอนที่ 3

วันรุ่งขึ้นก็ตื่นแต่เช้า ทำการฝึกหายใจและเหยียดยืดกล้ามเนื้อตามที่ครูสอนมา ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ที่สามารถทำได้ก็เพราะครูสั่งห้ามไม่ให้ไปวิ่งตอนเช้าตามปกติที่ผมทำ เพราะมันจะมีผลกับการดำน้ำ ทำให้เราไม่เข้ากับน้ำเท่าที่ควร อะไรทำนองนั้นน่ะครับ ไว้กลับไปหาความรู้เพิ่มเติม แล้วจะมาอธิบายให้ละเอียดกว่านี้นะครับ เดินทางด้วยเรือไปเกาะห้าใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ จากเกาะลันตา ทั้งเรือมีแต่ฝรั่ง ลูกทัวร์ประมาณสิบคน สต๊าฟอีกสี่ห้าคนครับ น่าแปลกใจจริงๆ คือ ยกเว้นครูฟรังซัวของผมแล้ว พวกครูสอนดำน้ำฝรั่งทั้งหลายสูบบุหรี่กับเป็นปล่องควันโรงงานเลย ไดเวอร์ที่มาดำเที่ยวกันไม่มีใครสูบสักคน นี่ก็เป็นข้อสังเกตที่เห็นว่าแปลกครับ ผู้สอนดำน้ำฝรั่งเกือบทั้งหมด สูบบุหรี่จัด กินเหล้ากินเบียร์กันทุกคืน แล้วก็ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทุกที่ครับ พัทยา เกาะเต่า ภูเก็ต บนเรือเลยฝึกหายใจและผ่อนคลายได้ไม่ดี ชั้นบนก็ควันของพวกผู้สอนดำน้ำ ชั้นล่างก็กัปตันกับลูกเรือ เป็น Smoking Boat กันไปเลย ถึงเกาะก็ดีใจที่ได้ลงน้ำซะทีครับ ใต้น้ำไม่มีควันบุหรี่แน่ๆ ครูก็เอาเรือยางไปจัดการทำสถานีฝึกกันเลย ตรงข้างๆ เกาะเล็กๆ ด้านซ้าย หากหันหน้าไปทางเกาะห้าเหนือนั่นแหละครับ ความลึกของน้ำประมาณ 18 เมตร ตรงนั้นครูได้จัดสถานี No Limits ขึ้น ซึ่งการดำแบบนี้จะใช้ Sled ให้เราขี่ลงไป ขาขึ้นใช้ Lift Bag โดยมีถังอากาศไว้เติมเข้าถุงยกดังกล่าว เราจะพุ่งขึ้นมาด้วยความเร็ว… ไปดำเข้าจริงๆ แล้ว สนุกมากครับ เหมือนฝันเลย Constant Weight แต่ก่อนจะดำแบบนี้ ต้องหัดดำแบบ Constant Weight ซะก่อน การดำแบบนี้ก็เหมือนกันกับที่เรานึกภาพการฟรีไดวิ่งไว้นั่นเองครับ คือ การใส่เข็มขัดตะกั่วหรือไม่ใส่ก็ได้แล้วแต่คน ช่วงแรกผมก็ไม่ใส่ แต่ระยะหลังก็ใส่ลงไปครับ ที่ไม่ใส่ช่วงแรกเพราะเป็นโรคปอดน่ะครับ (ปอดแหกน่ะครับ) ดำลงไป ครูบอกว่า วิธีการเคลียร์หูที่ไม่ควรใช้ คือ วิธีการกลืนน้ำลาย เพราะจะทำให้เราอยากหายใจและเกิดอาการสะอึก ซึ่งเป็นเพราะกระบังลมหดตัว ฟังแล้วมึนตึ้บเลยครับ เพราะเป็นวิธีเดียวที่ผมจะทำได้หากปักหัวลง ถ้าเป็นการลงแบบสกูบ้านี่ วิธีไหนก็ใช้ได้ แต่หากลงแบบปักหัวลงแล้วมีวิธีเดียว คือ กลืนน้ำลายครับ มุดหัวลงไปได้แค่สองสามเมตรก็เคลียร์ไม่ออกแล้ว ติดสนิทเลยครับ ทำให้เข้าใจนักเรียนสกูบ้าที่เคลียร์หูไม่ได้ขึ้นอีกเยอะเลย อืม… ต่อไปนี้ ต้องปลอบใจนักเรียนเราให้มากกว่านี้ซะแล้ว กลับขึ้นมา ครูบอกให้ลองสาวเชือกลงไปด้วยท่าหัวตั้งตามปกติ จะได้เคลียร์หูได้ ลองทำดูก็ง่ายดีครับ ลงไปได้สิบกว่าเมตรไม่มีปัญหาอะไรเลย สักพักก็พยายามปักหัวลงใหม่ ผลออกมาเหมือนเดิม ได้แค่สองสามเมตรหากไม่กลืนน้ำลาย นี่ละน้า… พวกรูปไม่หล่อมาดำฟรีไดวิ่ง ท่าทางจะเอาดีไม่ได้ซะแล้ว ครูก็ให้ลองพยายามต่อไปเรื่อยๆ ดำลงไปอีกหลายครั้ง ผลก็ยังเหมือนเดิม คือ หากไม่ใช้วิธีกลืนน้ำลายแล้วจะไม่สามารถลงไปได้เลย แต่ก่อนนี้ ผมก็เคยดำลึกสิบกว่าเมตรมาแล้ว ด้วยการเคลียร์หูแบบกลืนนะครับ เพียงแต่กลืนไปได้สองสามครั้ง จะรู้สึกอยากหายใจมาก จนกระบังลมเกิดอาการกระตุก ทำให้ต้องรีบขึ้น แล้วก็จะเกิดอาการไม่สบาย ไม่ผ่อนคลาย…

อ่าน เรียน Freediving ตอนที่ 3

เรียน Freediving ตอนที่ 2

หลังจากทำการเตรียมตัวพร้อมทั้งอธิบายเรื่องความปลอดภัยต่างๆ พอสมควร ครูก็ให้ลงน้ำตรงชายหาดนั่นเลยครับ ก่อนลงครูก็ไปจัดสถานที่โดยการเอาเชือกยาวประมาณ 25 เมตรไปขึงไว้ใต้น้ำ โดยมีทุ่นตะกั่วถ่วงให้เชือกอยู่ใต้น้ำ อีกด้านหนึ่งจะมีเชือกและทุ่นลอยให้จับ ช่วงแรกเราก็ทำการเรียนกันตรงทุ่นลอยนั่นแหละครับ บทเรียนบทแรกเป็นการทำ Static Apnea คือ หัดกลั้นหายใจใต้น้ำนั่นแหละครับ เคยทำมาซะมากแล้ว หารู้ไม่ว่าที่เคยทำนั้นไม่ถูกต้องก็เลยทำได้น้อย ครูก็มีเคล็ดลับหลายอย่างที่ได้สอนให้เรียนรู้และจะได้นำไปฝึกต่อได้ เคล็ดต่างๆ ก็มีดังนี้ครับ อันดับแรก ต้องยืดเหยียดท่อยูสเตเชี่ยนซะก่อนเพื่อให้มันยืดตัวและกล้ามเนื้อลำคอผ่อนคลาย จากนั้นต้องยืดเหยียดกล้ามเนื้ออื่นๆ เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายทุกส่วน การผ่อนคลายนั้น เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากไม่ผ่อนคลายแล้ว เราจะใช้ออกซิเจนที่มีอยู่อึกเดียวในปอดมากขึ้น ทำให้กลั้นหายใจได้น้อยลง อันที่จริง ผมก็หัดเทคนิคการผ่อนคลายมาเยอะแล้วนะครับ แต่เทียบไม่ได้กับการผ่อนคลายในน้ำนี่เลย กลายเป็นเรื่องเรียนรู้ใหม่ ทั้งๆ ที่ผมก็เคยทำหน้าที่ฝึกนักกีฬาให้ผ่อนคลายมาเกือบสิบปี แปลกดีเหมือนกัน นี่ก็เป็นความรู้จากการเรียนฟรีไดวิ่งที่สามารถนำมาใช้กับงานอาชีพได้ทันทีเลย Static Apnea นี่ ก่อนจะเริ่มดำน้ำก็ต้องหายใจให้ออกซิเจนเข้าไปเต็มที่ซะก่อน ด้วยการหายใจสามขั้น คือ ขั้นแรก หายใจด้วยกระบังลม ทำท้องป่องนั่นแหละครับ ปกติคนทั่วไปจะหายใจด้วยปอดหรืออกอย่างเดียว ไม่ได้ขยายกระบังลม ทำให้อากาศเข้าไปได้น้อยกว่า การหายใจเพื่อเตรียมพร้อมนี่จะต้องขยายพื้นที่ด้านล่างของปอด ต้องขยายกระบังลมด้วยการผ่อนคลายท้อง ช่วงเริ่มหายใจครับ พุงจะป่องออกมามากทีเดียว ขั้นที่สองคือ หายใจด้วยปอดหรือหน้าอกตามปกติ และขั้นสุดท้าย ให้แบะไหล่ออกจากกันเพื่อเพิ่มพื้นที่ปอดด้านบน จากนั้นก็ทำการ pack เพื่อให้อากาศเข้าไปมากกว่าเดิมอีก ทำท่าเหมือนปลาทองในตู้น่ะครับ อ้างับ อ้างับ จนอากาศเข้าไปไม่ได้แล้ว จากนั้น ให้ค้างไว้สองสามวินาที จึงผ่อนลมหายใจออกช้าๆ โดยมีหลักอยู่ว่า หายใจเข้าเท่าไร ให้ใช้เวลาหายใจออกเป็นสองเท่า ทำอย่างนี้จนรู้สึกว่าได้รับออกซิเจนเพียงพอแล้ว จึงเริ่มก้มหน้า ลอยตัวท่าคว่ำหน้าที่ผิวน้ำครับ ตอนนี้แหละครับ จะเป็นช่วงที่ทรมาน และหากทนไม่ไหว มีอาการเกร็งหรือไม่ผ่อนคลายนิดเดียว ก็จะทนกลั้นหายใจอยู่ไม่ไหว แต่หากปล่อยให้ผ่อนคลายได้ ซึ่งครูบอกว่า ยิ่งอยากหายใจต้องยิ่งผ่อนคลาย ก็จะอยู่ได้นานกว่าเดิม ผ่อนคลายแล้ว ต้องเอาใจออกจากเรื่องการหายใจด้วยนะครับ เทคนิคของใครของมัน ครูสอนให้ใช้วิธี Imagery Relaxation ซึ่งผมลองทำดูแล้ว ไม่ได้ผลมาก คงเป็นเพราะตัวเองไม่เหมาะกับเทคนิคนี้ ที่รู้เพราะเคยฝึกเทคนิคผ่อนคลายมาเกือบทุกอย่างที่มีในโลกนี้เป็นเวลาหลายปีแล้วน่ะครับ ตอนดำน้ำแบบนี้ ผมเลยใช้วิธีฟังเสียงหัวใจตัวเอง ก็เพลินดีนะครับ มันจะเต้นช้าลง ช้าลง ไปเรื่อยๆ แต่ไม่หยุดซะทีนะครับ ใช้เทคนิคนี้ จากการกลั้นหายใจได้ประมาณนาทีกับอีกนิดเดียว ตอนนี้ได้สองนาทีกว่าๆ แล้ว เห็นครูบอกว่ายิ่งฝึกมากก็จะยิ่งได้นานขึ้นเรื่อยๆ เคล็ดอยู่ที่ว่า ต้องผ่อนคลายให้ได้เต็มที่นั่นเองครับ ครูก็ทำการทดสอบว่าเราผ่อนคลายหรือไม่ ด้วยการยกแขนยกขา แล้วปล่อยทิ้งลงมา ดูว่าเรามีแรงต้านหรือเปล่า หรืออาจจะผลัก กด ตัวเรา ว่าเราเกร็งขืนแรงที่กระทำหรือไม่ คนที่ถูกทดสอบก็จะรู้ตัว และหันไปผ่อนคลายส่วนที่เกร็งนั่นเองครับ การฝึกแบบนี้ต้องมีบัดดี้คอยดูแลความปลอดภัย และจับเวลาให้นะครับ การดูแลความปลอดภัยก็จะมีการ “คลิก” คือ…

อ่าน เรียน Freediving ตอนที่ 2

เรียน Freediving ตอนที่ 1

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสไปเรียนฟรีไดวิ่งมาครับ สนุก ตื่นเต้น และน่าสนใจ จนอดที่จะเอามาเล่าให้เพื่อนๆ นักดำน้ำแบบสกูบ้าได้รับทราบกันไม่ไหวเลย อันที่จริง ผมก็ฟรีไดวิ่งมาก่อนที่จะมาดำน้ำแบบสกูบ้านี่อีกนะครับ แต่เป็นไปในลักษณะที่เขาเรียกกันว่า ฟรีไดวิ่งลูกทุ่ง น่ะครับ คือไม่รู้อะไรเลย ไม่มีเงินเลย มีหน้ากากกับฟิน (บวกฉมวกยิงปลาอีกอันหนึ่ง) ก็ดำมันไปเรื่อยเวลาไปเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ หากหาปลาไม่ได้ก็อด อันนี้ ประมาณสามสิบปีที่ผ่านมาเห็นจะได้นะครับ ความที่ชอบกีฬาทางน้ำ ฟรีไดวิ่งก็เลยเป็นอะไรที่อยากจะทำให้ได้ดี แต่ในขณะนั้นก็คิดว่าคงทำได้แค่นั้น ความสามารถของเราคงไม่ถึงที่จะพัฒนาให้ทำได้มากกว่าที่ทำได้อยู่ บวกกับในสมัยนั้น การดำน้ำก็เป็นอะไรที่มากเกินกว่าฐานะ (ต่อให้เป็นการดำแบบฟรีไดวิ่งก็เถอะ) เลยไปแข่งว่ายน้ำดีกว่าครับ ไม่นานมานี้เอง ได้ข่าวจากเพื่อนว่ามีผู้สอนฟรีไดวิ่งจากประเทศฝรั่งเศสจะมาเปิดสอนในประเทศไทยเป็นเวลาประมาณหกเดือน ในหลักสูตรของ AIDA ซึ่งเป็นสถาบันฟรีไดวิ่งชั้นนำของโลก ทำการสอนที่เกาะลันตา ก็เลยรีบติดต่อไปครับ ครั้งแรกก็กังวลนะว่าครูจะสื่อสารกับเราได้หรือเปล่า สังขารของเราจะไหวหรือเปล่า จะหนีงานไปเรียนได้ยังไง ฯลฯ แต่ความอยากมันมีมากกว่าอุปสรรคครับ ก็เลยพยายามไปเรียนจนได้ ลางานไป เพื่อนร่วมงานก็รู้สึกตลกขบขัน (ปนสมเพช) นะครับ ว่าแก่ขนาดนี้แล้วยังจะซ่าอีก แต่พอดีการเรียนต่อเรื่องกีฬาทุกชนิด มันเป็นวิชาชีพ (เพราะเป็นครูสอนพละ) หัวหน้างานเลยอนุมัติให้ไปได้ ขับรถไปถึงเกาะลันตาตอนบ่ายๆ ครับ ไปนั่งคุยกับครู ดูท่าแล้วครูจะหล่อเกินเหตุไปหน่อย ทำให้รู้สึกสงสัยว่า ไอ้พวกนักฟรีไดวิ่งนี่มันต้องสวยหล่อกันแบบนี้หมด ถึงจะดำได้ดีหรือเปล่าหนอ เพราะเห็นในนิตยสารและรายการต่างๆ ก็เป็นอย่างนั้น หากเป็นเช่นนั้น ประเภทอ้วนล่ำดำแก่แบบผมสงสัยจะไม่มีอนาคต แต่หลังจากคุยกับครูแล้วก็อุ่นใจ แกบอกว่าต่อให้แก่และน่าเกลียดแค่ไหนก็พอจะเอาดีได้ครับ อยากเห็นหน้าครูผม ก็เข้าไปในเว็บนี้แล้วกัน http://www.freedivecentral.com/f-francisco-gautier-2 เสร็จจากการสมัครเรียน ครูก็ให้งานกลับไปทำเลยครับ แกบอกว่าให้กินให้อิ่มและนอนให้มาก พรุ่งนี้เช้ามาเรียนกันที่ชายหาด ดูแล้วงานก็ง่ายพอสมควรนะครับ ผมก็ไปหาที่พักเพราะไปแบบไม่ได้ติดต่ออะไรเลย ก็หาโรงแรมริมถนนนอนครับ ง่ายๆ สบายดี รุ่งเช้าก็ไปพบกับครู ทางร้านก็ขับรถไปที่ชายหาดอีกด้านหนึ่ง สวยมาก แต่จำชื่อไม่ได้แล้วครับว่าหาดอะไร เริ่มแรกก็เรียนเรื่องการเตรียมพร้อมร่างกายกันเลย ถึงก็เรียนเรื่องการเหยียดยืดกล้ามเนื้อ โยคะเล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องการเหยียดกล้ามเนื้อส่วนที่เป็นช่วงอกเพื่อให้ปอดสามารถขยายตัวได้มากขึ้น จากนั้นก็เรียนเรื่องการหายใจ ก็น่าแปลกใจที่เทคนิคการทำ Hyperventilation แบบที่เรียนมาในหลักสูตรการดำน้ำแบบสกูบ้านั้น นำมาใช้กับฟรีไดวิ่งไม่ได้เด็ดขาด เพราะอาจจะตายไม่รู้ตัว การหายใจแบบนักฟรีไดวิ่งจริงๆ นั้น ต้องใช้วิธีการเอาอากาศเข้าไปให้มากที่สุด และใช้พลังงานอย่างประหยัดที่สุด มากกว่าที่จะหลอกระบบของร่างกายว่ามีคาร์บอนไดออกไซด์น้อย แล้วจะได้ไม่อยากหายใจแบบการทำไฮเปอร์เวนทิเลชั่นครับ แค่เรื่องแรกนี้ ผมก็รู้สึกแล้วครับว่าโชคดีที่ยอมเสียเงินมาเรียน หากไปดำเล่นเองคงไม่รู้เรื่อง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความปลอดภัยอื่นๆ ที่ครูสอนให้รู้ก่อนอีกหลายจุด ในการเรียนฟรีได้วิ่ง ระดับหนึ่งดาวนี่นะครับ อันดับแรกเลย ก็คือ ไม่ให้ดำน้ำคนเดียวโดยเด็ดขาด ต้องมีบัดดี้ ซึ่งจะดำพร้อมเราก็ไม่ได้ด้วยนะครับ ต้องคนหนึ่งดำลงไป ขณะที่อีกคนอยู่บนผิวน้ำคอยมองดู เพื่อคอยช่วยเหลือหากเกิดอาการหมดสติเนื่องจากระดับความดันโลหิตต่ำ (อันเกิดจาก วิธีการหายใจ และการเลื่อนไหลของเลือดในร่างกายของนักดำ) หรือจาก Shallow Water Blackout (SWB) ครูเน้นเรื่องการจมลอย…

อ่าน เรียน Freediving ตอนที่ 1