นักดำน้ำยุคใหม่แทบทุกคนต้องมีเจ้าอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่อยู่บนข้อมืออย่าง “คอมพิวเตอร์ดำน้ำ” (dive computer) เพราะมันทำให้ชีวิตใต้น้ำของเราง่ายขึ้นเยอะเลย มันคอยบอกข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ ทั้งความลึก, เวลา, ขีดจำกัดที่ปลอดภัย, ไปจนถึงการเตือนต่างๆ ทำให้เราใช้เวลาใต้น้ำได้คุ้มค่ากว่าสมัยก่อนที่ต้องพึ่งตารางดำน้ำ (dive table) แบบกระดาษและการคำนวณให้สมองของเราเอง
แต่ความสะดวกสบายที่ว่านี้ ไม่ใช่จะไร้ขีดจำกัด มันมาพร้อมข้อจำกัดและข้อควรระวังซึ่งหากผู้ใช้งานอย่างเราๆ มองข้ามไป เช่นอาจเผลอคิดว่า “มีคอมฯ แล้วดำน้ำปลอดภัย 100%” หรือ คิดว่า “คอมฯ วางแผนการดำน้ำให้เราแล้ว แค่ดำตามมันก็พอ” แล้วปล่อยให้มันเป็นคนคุมเกมทั้งหมด ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ ที่จริงแล้วไดฟ์คอมพิวเตอร์ไม่ใช่ “ไม้กายสิทธิ์” ที่จะรู้ทุกอย่างหรือแก้ไขทุกปัญหาได้
เราเลยจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับข้อจำกัด ข้อควรระวัง รวมถึงข้อควรปฏิบัติทั้งโดยปกติ และเมื่อเกิดเหตุผิดพลาดกับไดฟ์คอมพิวเตอร์ของเรา เพื่อที่เราจะได้เป็นนักดำน้ำที่ฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดของไดฟ์คอมพิวเตอร์: มีอะไรที่เราอาจเข้าใจผิดอยู่บ้าง?
ไดฟ์คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมาก แต่ความสะดวกสบายนี้ก็อาจทำให้เราประมาทและเกิดความเข้าใจผิดได้ ถ้าเราได้เข้าใจการทำงานของไดฟ์คอมพิวเตอร์บ้างสักหน่อย ก็จะพอรู้ได้ว่า มีบางอย่างที่ไดฟ์คอมพิวเตอร์ทำไม่ได้
คำนวณจากแบบจำลอง
ไดฟ์คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยการคำนวณตามแบบจำลองที่มาจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งแม้จะมีที่มาจากงานวิจัยนับร้อยชิ้น ผ่านการทดสอบในคนนับพันคน มาหลายสิบปี แต่มันก็เป็นเพียงการคำนวณตามทฤษฎีและใช้ข้อมูลจากงานวิจัย ไม่ใช่การวัดปริมาณไนโตรเจนจากเนื้อเยื่อในร่างกายของเราจริงๆ มันจึงไม่อาจบอกสภาวะต่างๆ ของเราที่เป็นอยู่จริงๆ ได้ เป็นเครื่องมือช่วยให้เราเห็นขอบเขตการดำน้ำที่น่าจะปลอดภัยกับคนส่วนใหญ่ เท่านั้น
ไม่รู้จักตัวเราจริงๆ
ไดฟ์คอมพิวเตอร์เป็นแค่โปรแกรมคำนวณที่ทำตามสูตร มันไม่มีทางรู้ว่า ก่อนลงน้ำ สภาพร่างกายของเราพร้อมแค่ไหน กินอิ่ม นอนหลับดีหรือไม่ ขณะอยู่ใต้น้ำ มันไม่รู้ว่า:
- คุณเหนื่อยหรือเปล่า: การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อการคายก๊าซในร่างกาย
- คุณขาดน้ำไหม: ภาวะขาดน้ำเพิ่มความเสี่ยงของอาการ DCS อย่างมีนัยสำคัญ
- คุณหนาวแค่ไหน: การดำน้ำในน้ำเย็นมากๆ จะทำให้การไหลเวียนของเลือดเปลี่ยนไป และมีผลต่อการดูดซึมก๊าซ
- ความฟิตของคุณเป็นยังไง: บางคนอาจร่างกายฟิตกว่าคนอื่น แต่ไดฟ์คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้รับรู้ในส่วนนี้
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความเสี่ยงของอาการ DCS ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถรับรู้ได้
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีไดฟ์คอมพิวเตอร์ที่วัดอัตราการเต้นหัวใจแบบเรียลไทม์ รู้คุณภาพการนอนหลับในคืนที่ผ่านมา และช่วยประเมินความพร้อมของร่างกายได้บ้าง แต่ก็เป็นเพียงตัวเลขด้านหนึ่ง ไม่ใช่สภาวะที่เราเป็นอยู่จริงๆ
ดังนั้น การเชื่อตัวเลขบนหน้าจอแบบ 100% โดยไม่สนใจสภาพร่างกายตัวเองจึงเป็นเรื่องอันตราย และพฤติกรรมนี้อาจนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “อคติเพื่อยืนยัน” (confirmation bias) คือเมื่อเราทำอะไรเสี่ยงๆ แล้วไม่เป็นไรหลายครั้ง ก็จะเริ่มคิดว่ามันปลอดภัยแล้ว ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่เลย
ไม่รู้ความต้องการและแผนการดำน้ำของเรา
ไดฟ์คอมพิวเตอร์จะคำนวณข้อมูลตามโปรไฟล์การดำน้ำที่เราทำอยู่จริง การวางแผนการดำน้ำที่เหมาะสมจึงยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ มันไม่เคยรู้ความต้องการในการดำน้ำของเรา ว่าในแต่ละจุดดำน้ำนั้น มี landscape เป็นอย่างไร เราอยากดูอะไร และวางแผนจะดำน้ำขึ้นลงแบบใด มันไม่รู้ว่าคุณวางแผนจะดำน้ำต่ออีกกี่ไดฟ์ หรือมีเหตุฉุกเฉินอะไรที่ต้องเปลี่ยนแผนกลางคันหรือไม่ มันเป็นเครื่องเก็บข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วคำนวณค่าที่เกี่ยวข้องออกมา ช่วยเราประเมินและปรับแผนต่อไป เท่านั้น
ที่สำคัญที่สุด ไดฟ์คอมพิวเตอร์ไม่ได้วางแผนการดำน้ำให้เรา นักดำน้ำเท่านั้นที่ต้องเป็นผู้วางแผนการดำน้ำด้วยตัวเอง
ไดฟ์คอมพิวเตอร์ตัดสินใจแทนเรา หรือควบคุมเรา ไม่ได้
เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นใต้น้ำ ไดฟ์คอมพิวเตอร์อาจมีเสียงเตือนหรือแสดงข้อความฉุกเฉิน แต่มันไม่สามารถตัดสินใจแทนคุณได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป คุณต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะยุติการดำน้ำ, ขอความช่วยเหลือจากบัดดี้, หรือแก้ไขสถานการณ์ด้วยทักษะที่คุณมี การต้องมีความรู้ในการคำนวณตารางน้ำและการตัดสินใจที่รอบคอบของนักดำน้ำจึงยังคงสำคัญที่สุด อยู่เสมอ
เราหลอกไดฟ์คอมพิวเตอร์ได้!
ไม่ว่าไดฟ์คอมฯ รุ่นที่เราใช้อยู่จะทันสมัยแค่ไหน จะคำนวณได้ละเอียดขนาดไหน ใช้แบบจำลองหรืออัลกอริธึมที่ดีเยี่ยมเพียงใด แต่มันก็เป็นอุปกรณ์ที่อยู่ภายใต้การจัดการของมนุษย์ ถ้าเราอยากจะโกงมันสักนิด เพื่อเพิ่มเวลาการดำน้ำให้เรา หรือให้มันคุมเราได้น้อยลงอีกหน่อย ก็ทำได้ไม่ยากเลย เช่น ถ้าคุณสลับกับเพื่อนในระหว่างทริป หรือทิ้งไว้บนบก ไม่นำมันลงไปดำน้ำด้วยสักไดฟ์หนึ่ง มันก็คำนวณ “เวลาที่เหลืออยู่” (NDL) ให้คุณเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยแล้ว หรือถ้าจะโกงเพียงเล็กน้อย ก็แค่ชูไดฟ์คอมฯ ไว้สูงๆ เป็นเวลานานๆ ระหว่างดำน้ำ คุณก็อาจได้เวลาดำน้ำเพิ่มขึ้นอีกเป็นนาทีเลยก็ได้
ที่จริง ก็คงไม่มีใครใช้งานไดฟ์คอมพิวเตอร์ในแบบนี้หรอก แต่ก็ต้องโน้ตไว้ว่า ทำได้ และแม้ในความเป็นไปได้ที่น้อยที่สุด ก็อาจมีผู้ไม่หวังดีมาทำกับไดฟ์คอมพิวเตอร์ของเราก็ได้
อุปกรณ์ก็มีวันพัง
แม้ไดฟ์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ จะทนทานมาก แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น:
- แบตหมดแบบไม่ทันตั้งตัว: ไม่มีอะไรน่าตกใจไปกว่าการที่หน้าจอของเราดับไปกลางทาง
- น้ำเข้า: ซีลกันน้ำ (O-ring) อาจเสื่อมสภาพหรือมีเม็ดทรายเล็กๆ เข้าไปอุดตัน ทำให้กันน้ำไม่ได้
- ปุ่มกดรวน: กดไม่ติดบ้าง กดติดเองบ้าง เป็นปัญหาจุกจิกที่อาจทำให้การทำงานผิดพลาดได้
ดังนั้น นอกจากต้องหมั่นดูแลซ่อมบำรุงหรือสังเกตสภาพของไดฟ์คอมพิวเตอร์แล้ว สิ่งที่สำคัญคือต้องมีแผนสำรอง และรู้ว่าจะทำยังไงถ้าไดฟ์คอมพิวเตอร์พังระหว่างดำน้ำ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วควรจะยุติการดำน้ำ แล้วค่อยๆ ขึ้นสู่ที่ตื้นอย่างช้าๆ และปลอดภัยทันที
ไดฟ์คอมพิวเตอร์ไม่ได้ป้องกันอาการ DCS ได้ 100%
นี่เป็นความเข้าใจผิดที่สำคัญที่สุด แม้คุณจะดำน้ำตามที่ไดฟ์คอมพิวเตร์บอกทุกอย่าง คุณก็ยังมีโอกาสเกิดอาการ DCS ได้ เพราะไม่มีอะไรในโลกที่รับประกันการป้องกัน DCS ได้ 100% [Dive RAID]
ข้อควรระวังในการใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์
ให้เวลาดำน้ำมากกว่าตารางดำน้ำ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยง
หลายคนสงสัยว่าทำไมไดฟ์คอมพิวเตอร์ให้เวลาดำน้ำ (NDL) นานกว่าตารางดำน้ำแบบเดิม นั่นเพราะตารางดำน้ำจะคำนวณแบบ “สี่เหลี่ยม” คือคิดว่าคุณอยู่ที่ความลึกสูงสุดตลอดเวลา (และการคำนวณแบบนี้มักจะให้ความปลอดภัยมากกว่าด้วย) ส่วนไดฟ์คอมพิวเตอร์จะคำนวณแบบเรียลไทม์ตามความลึกจริงที่คุณดำอยู่ ทำให้ใช้เวลาใต้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (และก็อาจพาคุณไปไต่ขอบ NDL ได้มากกว่าด้วย ซึ่งเท่ากับเสี่ยงต่อ DCS มากขึ้น) รวมทั้งค่า NDL ที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมและการตั้งค่าความอนุรักษ์นิยม (ระดับ conservatism หรือค่า Gradient Factor) ที่คุณเลือกใช้ด้วย
ความสะดวกสบายอาจทำให้ขาดการวางแผนหรือความใส่ใจในหลักการพื้นฐาน
การใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์อาจทำให้เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าเหมือนตอนใช้ตารางดำน้ำ หลายคนอาจดำน้ำแบบ “กระโดดลงไปแล้วให้ไดฟ์คอมฯ คุม” และอาจจะประหลาดใจเมื่อพบว่าค่า NDL หมดลงอย่างรวดเร็วกลางทาง
นักดำน้ำหรือครูสอนดำน้ำบางคนอาจเริ่มไม่ใส่ใจการเรียนรู้หลักการพื้นฐานของ DCS และการวางแผนการดำน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายที่สำคัญที่สุดของการดำน้ำ แล้วพาตัวเองไปสู่ความเสี่ยงต่อชีวิต จากจุดเริ่มต้นคือการใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องไม่เหมือนกันเสมอไป
ไดฟ์คอมพิวเตอร์แต่ละยี่ห้อมี “สมอง” หรือ “กฎการคำนวณ” (Decompression Algorithm) ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งกฎเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป มีระดับความอนุรักษ์นิยมที่แตกต่างกันไป ลองคิดดูสิว่าถ้าคุณกับบัดดี้ดำน้ำที่ความลึกและเวลาเท่ากันเป๊ะๆ แต่ไดฟ์คอมพิวเตอร์ของทั้งสองคนอาจจะให้ค่า NDL หรือ “เวลาที่ต้องพักลดความดัน” (Decompression Stop) ที่ไม่เท่ากันได้เลยนะ
นอกจากนี้ บางรุ่นอาจจะอนุรักษ์นิยมมากสำหรับการดำน้ำครั้งแรก แต่กลับผ่อนปรนขึ้นสำหรับการดำน้ำซ้ำๆ ในวันเดียวกัน ดังนั้น การทำความเข้าใจคู่มือและรู้จักเครื่องมือของตัวเองจึงสำคัญมาก
แนวทางปฏิบัติที่ดี
การใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์อย่างรู้เท่าทันจึงต้องอาศัย 3 หลักการสำคัญนี้:
- มีตัวสำรองเสมอ (Redundancy): การมีไดฟ์คอมพิวเตอร์สำรองอีกเครื่องเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด แต่สำหรับนักดำน้ำที่ต้องการความมั่นใจ การมีมาตรวัดความลึกและนาฬิกาควบคู่ไปด้วยก็เป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้เรายังสามารถควบคุมอัตราการขึ้นและ Safety Stop ได้ถ้าไดฟ์คอมพิวเตอร์หลักพัง
- วางแผนก่อนดำน้ำ (Plan Your Dive): อย่าดำน้ำแบบ “กระโดดลงไปแล้วให้คอมฯ คุม” เราต้องมีแผนในใจก่อนเสมอว่าจะไปที่ความลึกสูงสุดเท่าไหร่และใช้เวลาเท่าไหร่ เหมือนกับการใช้ตารางดำน้ำวางแผนไดฟ์ การทำแบบนี้จะช่วยให้เราไม่เสี่ยงที่จะต้องตกใจเมื่อค่า NDL หมดลงอย่างรวดเร็ว
- ดูแลร่างกายให้พร้อม (Listen to Your Body): พักผ่อนให้เพียงพอ, ดื่มน้ำให้เยอะๆ ก่อนดำน้ำ และสังเกตตัวเองอยู่เสมอ เพราะร่างกายของคุณคืออุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด หากรู้สึกไม่สบายหรือเหนื่อยล้า อย่าฝืนเด็ดขาด
บทสรุป: ไดฟ์คอมพิวเตอร์—เครื่องมือสำหรับ “นักดำน้ำฉลาด”
ไดฟ์คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าและช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับการดำน้ำอย่างมาก แต่ความปลอดภัยสูงสุดที่แท้จริงไม่ได้มาจากตัวอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว ยังต้องมาจากการผสมผสานความรู้, ทักษะ, วิจารณญาณ, และการใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือเสริม
เมื่อเราเข้าใจข้อจำกัดของมันและรู้ว่าจะรับมือยังไง เราก็จะเป็น “นักดำน้ำฉลาด” ที่ควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่ใช่แค่เป็น “ผู้ใช้งาน” ที่เชื่อฟังคำสั่งโดยไม่ไตร่ตรอง ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ แล้วการดำน้ำทุกครั้งของคุณจะสนุกและปลอดภัยมากขึ้นแน่นอน