ดำน้ำโดยไม่ใช้ ‘ไดฟ์คอมพิวเตอร์’ ได้ไหม? ยังปลอดภัยและได้มาตรฐานหรือ?

ในยุคนี้ ไดฟ์คอมพิวเตอร์ เป็นที่นิยมอย่างมากและทำให้การดำน้ำง่ายขึ้นจริงๆ แม้แต่หลักสูตรเรียนดำน้ำขั้นแรกสุด ก็ผนวกการใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์เข้าไปเป็นมาตรฐานการเรียนกันหมดแล้วทุกสำนัก

แต่สำหรับนักดำน้ำเพื่อสันทนาการ (recreational diver) นั้น เราสามารถดำน้ำโดยไม่ใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างแน่นอน และยังคงเป็นทางเลือกที่ได้ตามมาตรฐาน รวมถึงที่สำคัญที่สุดคือ ยังคงดำน้ำได้อย่างปลอดภัยด้วยครับ เพียงแต่ต้องรู้วิธีปฏิบัติและใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเป็นด้วย ซึ่งเราก็ได้เรียนกันไปแล้วนั่นล่ะครับ

สิ่งที่นักดำน้ำต้องใช้แทนไดฟ์คอมพิวเตอร์

หากเราเลือกที่จะไม่ใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์ ก็ต้องหันกลับไปพึ่งพาวิธีดั้งเดิมในการติดตามปริมาณการดูดซึมไนโตรเจนในร่างกาย ซึ่งก็ต้องใช้อุปกรณ์สำคัญ 3 อย่างนั่นคือ ตารางดำน้ำ (dive table) ร่วมกับ นาฬิกาหรืออุปกรณ์จับเวลา (bottom timer/dive watch) และมาตรวัดความลึก (depth gauge) นั่นเอง

อุปกรณ์ที่จำเป็น

  • ตารางดำน้ำ: ชุดตารางที่ใช้กันทั่วไปคือ Recreational Dive Planner (RDP) ที่พัฒนาโดย PADI หรือตารางที่คล้ายกันจากสถาบันฝึกสอนอื่นๆ โดยหากต้องการนำลงไปคำนวณใต้น้ดำด้วย นักดำน้ำก็ต้องใช้ตารางแบบกันน้ำ (มักจะมาในรูปแบบของ dive slate)
  • นาฬิกาสำหรับดำน้ำ/ตัวจับเวลาใต้น้ำ: นี่คือสิ่งที่สำคัญมาก ต้องเป็นนาฬิกากันน้ำที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถจับเวลาได้ตั้งแต่เริ่มต้นดำลงไปจนถึงการเริ่มขึ้นสู่ผิวน้ำ
  • มาตรวัดความลึก: มาตรวัดที่เชื่อถือได้และได้มาตรฐาน เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ทราบความลึกสูงสุดที่ไปถึงระหว่างการดำน้ำ
  • แผ่นบันทึกใต้น้ำ (dive slate) และดินสอ: ใช้สำหรับจดบันทึกข้อมูลสำคัญ (เช่น เวลาเริ่มดำ, ความลึกสูงสุด, และเวลาที่วางแผนจะขึ้น) ระหว่างที่ดำน้ำ

การวางแผนและการปฏิบัติ (หัวใจสำคัญของเรื่องนี้)

นักดำน้ำต้องวางแผนและปฏิบัติตามตารางดำน้ำอย่างละเอียดและเคร่งครัด

  • การวางแผนก่อนดำน้ำ (pre-dive planning): ก่อนลงน้ำ นักดำน้ำต้องใช้ตารางดำน้ำเพื่อกำหนด เวลาใต้น้ำสูงสุดที่ดำได้ (maximum allowable bottom time) สำหรับความลึกสูงสุดที่วางแผนไว้ การคำนวณนี้ทำเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะอยู่ภายใน No-Decompression Limit หรือ NDL (ขีดจำกัดที่ไม่ต้องมีการหยุดพักเพื่อลดความกด)
  • ระหว่างการดำน้ำ:
    • นักดำน้ำต้องคอยตรวจสอบมาตรวัดความลึกและนาฬิกาจับเวลาอยู่ตลอดเวลา (ปกติ แม้จะใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์ ก็ต้องทำเช่นเดียวกันนี้ด้วย)
    • พวกเขาจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ต่อเวลาใต้น้ำสูงสุดที่ดำได้ ซึ่งคำนวณไว้สำหรับความลึกสูงสุดที่ทำได้จริง
  • การคำนวณหลังดำน้ำ (post-dive planning): เมื่อขึ้นสู่ผิวน้ำแล้ว นักดำน้ำต้องใช้ตารางดำน้ำเพื่อคำนวณ ไนโตรเจนที่เหลือ (Residual Nitrogen Time หรือ RNT) ซึ่งเป็นตัวแทนของไนโตรเจนที่ยังคงอยู่ในร่างกาย และจำเป็นต้องใช้เพื่อกำหนด Pressure Group เพื่อวางแผนช่วงเวลาพักผิวน้ำอย่างปลอดภัยก่อนดำน้ำครั้งต่อไป
  • การดำน้ำซ้ำ (repetitive dive): สำหรับการดำน้ำครั้งที่สองหรือสาม จะต้องนำ RNT จากไดฟ์ก่อนหน้ามาบวกกับเวลาใต้น้ำที่วางแผนไว้ เพื่อคำนวณหาเวลาใต้น้ำสูงสุดที่ดำได้ในไดฟ์ใหม่ ซึ่งจะสั้นลงกว่าเดิม เพื่อให้เวลาดำน้ำรวมตามทฤษฎียังอยู่ในขอบเขต NDL
  • การหยุดเพื่อความปลอดภัย (Safety Stop): หยุดพักเพื่อความปลอดภัย 3 นาที ที่ระดับความลึกระหว่าง 5 ถึง 6 เมตร เหมือนกับการใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์

แค่ดำตามไดฟ์ลีด อยู่เหนือลีด และขึ้นตามลีด ไม่พอหรือ?

คำตอบสั้น ๆ คือ: ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และอาจทำให้คุณเสี่ยงอันตรายได้ครับ

ในฐานะนักดำน้ำที่ผ่านการอบรมหลักสูตรดำน้ำลึกขั้นแรกสุดจนได้รับบัตรดำน้ำที่ใช้ดำน้ำได้ทั่วโลกนั้น เรามีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบและจัดการกับขีดจำกัดไนโตรเจน (nitrogen limit) ของร่างกายตนเอง แม้ว่าคุณจะดำน้ำกับไดฟ์ลีด (dive lead หรือ dive guide) ที่เก่งที่สุดในโลกก็ตาม

การดำน้ำตามไดฟ์ลีดอย่างเดียวโดยที่คุณไม่สามารถติดตามและรู้ NDL ของตัวเองเลยนั้น มีความเสี่ยงหลายอย่างเช่น

  • ความผิดพลาดของมนุษย์: ไดฟ์ลีดก็เป็นคนธรรมดา อาจมีการคำนวณผิดพลาด ลืมดูเวลา หรือมีปัญหาอุปกรณ์ได้
  • ปัญหาจากอุปกรณ์: หากลีดมีปัญหาเกี่ยวกับไดฟ์คอมพิวเตอร์หรือมาตรวัดของเขา แล้วคุณไม่มีข้อมูลของตัวเองเลย คุณก็จะอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที
  • โปรไฟล์การดำน้ำที่แตกต่าง: แม้จะดำน้ำด้วยกัน แต่ร่างกายของแต่ละคนดูดซึมไนโตรเจนไม่เท่ากัน หรือหากคุณเคยดำน้ำมาก่อนหน้านี้ (repetitive dive) สั้นหรือยาวนานกว่าคนอื่น NDL ของคุณจะยาวหรือสั้นกว่าไดฟ์ลีดหรือคนอื่น ๆ ในกลุ่ม ดังนั้นคุณต้องคำนวณ RNT (Residual Nitrogen Time) ของตัวเอง
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน: หากคุณแยกจากไดฟ์ลีดหรือกลุ่มดำน้ำ หรือต้องขึ้นสู่ผิวน้ำฉุกเฉินเองคนเดียว คุณจำเป็นต้องรู้ข้อมูลเวลาและความลึกของตัวเองทันทีเพื่อวางแผน safety stop หรือการขึ้นอย่างปลอดภัย

ดังนั้น การใช้นาฬิกาจับเวลาหรือไดฟ์คอมพิวเตอร์ และการจัดการเวลา/ความลึกด้วยตัวเองจึงเป็นข้อบังคับพื้นฐานของความปลอดภัยและการปฏิบัติตามมาตรฐานการดำน้ำครับ

ทำไมไดฟ์คอมพิวเตอร์ถึงเป็นที่นิยมมากกว่า

แม้ว่าตารางดำน้ำจะปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกต้อง แต่ไดฟ์คอมพิวเตอร์ก็เข้ามาแทนที่ในการดำน้ำส่วนใหญ่แล้ว เพราะมีข้อดีที่สำคัญหลายอย่าง เช่น

  1. ได้เวลาใต้น้ำนานขึ้น: ไดฟ์คอมพิวเตอร์จะคำนวณด้วยอัลกอริทึมหลายระดับ (multi-level) แบบเรียลไทม์ ที่คอยตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงความลึกของนักดำน้ำอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากไม่ต้องสมมติว่าคุณอยู่ที่ความลึกสูงสุดตลอดทั้งไดฟ์ (ซึ่งต้องทำแบบนั้นเมื่อใช้ตารางดำน้ำ) คอมพิวเตอร์จึงช่วยให้คุณมี NDL ที่นานขึ้น อย่างปลอดภัย คุณจะอยู่ใต้น้ำได้นานกว่า คุ้มค่ากับราคาและเวลาที่คุณจ่ายไป
  2. ง่ายและสะดวก: คอมพิวเตอร์จะจัดการการคำนวณทั้งหมดโดยอัตโนมัติ และแสดงค่าเวลาดำน้ำที่เหลืออยู่ ที่ชัดเจนและเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ทำให้คุณไม่ต้องใช้ความคิดมากมายระหว่างดำน้ำ เอาเวลาไปโฟกัสกับสิ่งสวยงามใต้น้ำได้มากขึ้น
  3. การช่วยจัดการเหตุฉุกเฉิน: คอมพิวเตอร์สามารถเตือนนักดำน้ำหากขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไป และยังสามารถล็อกไม่ให้ดำน้ำต่อ (Decompression Lockout) หากเกินขีดจำกัดการลดความกด ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่ตารางดำน้ำให้ไม่ได้

และถ้าคำนวณค่าใช้จ่ายกันดีๆ แล้วอาจพบว่า ไดฟ์คอมพิวเตอร์ มีราคาที่ต้องจ่าย พอๆ กับราคาของอุปกรณ์ทั้ง 3 อย่างนั้นรวมกัน หรืออาจสูงกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ให้ผลตอบแทนดีกว่ามากครับ นักดำน้ำสมัยนี้จึงนิยมใช้ไดฟ์คอมพิวเตอร์กันมากกว่าจะใช้อุปกรณ์และวิธีการแบบเดิม


โดยสรุปแล้ว นักดำน้ำสามารถเลือกใช้ตารางดำน้ำแทนไดฟ์คอมพิวเตอร์ได้ แต่ต้องรู้วิธีการ มีการวางแผนอย่างรอบคอบ และมีวินัยในการดำน้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ยังคงดำน้ำได้อย่างปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานการดำน้ำสันทนาการครับ

 

สนใจซื้อหรือเช่าไดฟ์คอมพิวเตอร์รุ่นใด หรืออยากทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อก็ได้ แวะไปที่ Scuba Outlet ใกล้บีทีเอสเพลินจิต หรือทักแชทที่ Line: @scubaoutlet ได้เลยครับ