#มันไม่ใช่เรื่องสุดวิสัย
20.7.60
สัปดาห์ที่แล้วฉันกับเพื่อนสนิทไปเรียนดำน้ำลึก (scuba diving) กันมา
ในเบื้องแรก สิ่งที่ดูน่ากลัวที่สุด สำหรับคนที่รู้แค่ทฤษฎี แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ตรง คือ ภาวะประเภทที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาล อย่างเช่น Decompression sickness, ปอดแตก (pneumothorax) เป็นต้น
คิดแล้วรู้สึกปอดแหกหน่อยๆ
ต่อเมื่อได้ลงน้ำ เราจึงประจักษ์ว่า โอกาสเกิดภาวะร้ายแรงแบบนั้น มันมีน้อยยยจริงๆ … มันไม่ได้เกิดกับใครง่ายๆ
คล้ายๆ กับที่ว่า คนหล่อหรือสวยจัดๆ ก็มีแค่หยิบมือของสังคม … และมักไม่ได้ตกมาเป็นแฟนเรา
ตอนเรียนภาคทฤษฎี
ข้อสอบข้อหนึ่งถามว่า
“ถ้าหากช่วงดำน้ำลงไป เกิดอาการหูอื้อ จัดการไม่ได้ จะต้องทำอย่างไร?”
ฉันกับเพื่อน ลังเลระหว่างคำตอบสองข้อ
1. หยุดอยู่กับที่ แล้วเคลียร์หูจนกว่าจะได้ ค่อยลงต่อ
2. ลอยขึ้นไปสูงขึ้น 1-2เมตร แล้วเคลียร์หูจนกว่าจะได้ ค่อยลงต่อ
เราไม่แน่ใจว่าหมายถึง ได้พยายามเคลียร์แล้วแต่ไม่สำเร็จ หรือ สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเจอปัญหานี้
ครูเฉลยข้อ 2. ซึ่งเป็นขั้นตอนต่อไป หากข้อ 1. ไม่ได้ผล
เราสองคนจำวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้แม่น เพราะครูเน้นมากว่า ต้องเคลียร์หูให้ได้ เพราะถ้าไม่ได้จะเจ็บ …. ซึ่งจะเจ็บไปตลอด
คงไม่ใช่ตลอดชีวิต แต่อาจจะเป็นตลอดเวลาเกือบชั่วโมงในแต่ละไดฟ์ (ทั้งหมด 4 ครั้ง ใน 2 วัน) หรือตลอดสัปดาห์
พวกเราไม่ได้ถามละเอียดไปกว่านั้น เพราะในเมื่อเรามีวิธีรับมือ ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเกินไป
เราสอบในทะเลครั้งแรก ที่เกาะง่ามใหญ่
ทักษะที่เคยฝึกในสระว่ายน้ำลึก 2 เมตร
เรามาทำมันที่ 12 เมตรใต้ทะเล
แต่เพียงไม่กี่เมตรจากผิวน้ำ ทั้งฉันและเพื่อนก็รู้สึกปวดหู
มันไม่ใช่แค่การอื้อแบบเวลาเครื่องบินขึ้น แต่มันคือความรู้สึกปวดจี๊ด
เราพยายาม “เคลียร์หู” อยู่ตลอด – เบ่งลมออกหู โดยหายใจออกทางจมูกที่ถูกบีบไว้ (Valsalva Maneuver) แต่อาการปวดก็แหลมเสียดขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทางที่เราดิ่งลงไปเบื้องล่าง
ทั้งฉันและเพื่อนพยายามส่งสัญญาณมือว่า “ไม่โอเค” แล้วชี้ที่หู
ครูรับรู้ แต่ก็เพียงทำท่าบีบจมูกเบ่งลมออกหูตอบ … ก่อนจะพาเราทั้งคู่ลงลึกไปอีก
มืออูมๆ จากร่างอวบอ้วนราวร้อยกิโลของเขา ดึงเราลงไปห่างจากผิวน้ำเรื่อยๆ
ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน ที่จะบอกเค้าว่าหูเราปวด ปวด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผลลัพธ์สุดท้าย ทุกครั้งเวลาขึ้นมาถึงผิวน้ำ คือ เลือดกำเดา และ หูที่ได้ยินเบาลง
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่มีเพื่อนเป็นหมอหูคอจมูกอยู่จังหวัดนั้นพอดี เลยได้เห็นว่า แก้วหูไม่ได้ทะลุ แค่มีเลือดออกในหูชั้นกลาง
ถึงครู (และใครๆ) จะบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของการดำน้ำ
และฉันก็พอเข้าใจเรื่องความดัน กับ การแตกของเส้นเลือดฝอย
แต่พวกเราไม่เข้าใจครูสักนิดว่า
… ทำไมเวลาลงมือปฏิบัติจริง ถึงต่างจากที่ตัวเองย้ำนักย้ำหนาตอนสอนทฤษฎี
… ทำไมไม่สนใจความเจ็บปวดของคนอื่น
… ทำไมขัดขวางการแก้ปัญหาของเรา
การพูดปากเปล่าปาวๆ ว่าเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ มันไม่ได้ช่วยอะไร
เจ็บใจที่ต้องมาเจ็บตัวในเรื่องที่ป้องกันได้
ไม่อยากให้ใครไปเรียนดำน้ำ (กับครูคนไทยคนนี้) แล้วต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย
…. เพราะมันไม่ใช่เรื่องสุดวิสัย
#hemotympanum #barotrauma
แมวดำเล่าเรื่อง
| เขียนเพิ่มเติม 22.7.60, 10.45น. |
บันทึกนี้ มีเจตนาเพื่อให้นักเรียนดำน้ำทุกท่าน ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ตั้งแต่การเลือกผู้สอน จนถึงการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ใต้น้ำ
… ไม่อยากให้เพ่งเล็งที่ตัวบ.ดำน้ำ เพราะดูเป็นเรื่องตัวบุคคลมากกว่าค่ะ
จุดประสงค์ของบันทึกนี้ คือ อยากให้เราและเพื่อน เป็น 2 คนสุดท้าย ที่ต้องเจ็บตัว ‘เกินกว่าเหตุ’ ในเรื่องที่สามารถ ‘ป้องกันได้’ ค่ะ
ลิงก์ต้นเรื่อง: facebook.com/KuroNekoStory
| ความเป็นไป 3.8.65 |
ผ่านไป 5 ปี
เราและเพื่อนยังมีอาการทางหูหลงเหลืออยู่ ชัดเจนเวลาขึ้นเครื่องบิน
เราหูอื้อแบบช่วงเครื่องบิน take off แต่เป็นเกือบตลอดการเดินทาง และเป็นแบบนี้มาหลาย flight แล้ว
เมื่อ 3 เดือนก่อน ไปทะเล ได้ดำน้ำตื้น
แค่ผลุบลงไปถ่ายรูปกับพี่เต่า ในระยะแค่เมตรกว่า (รูปในคอมเมนท์) ก็ปวดหูจี๊ดแล้ว
การเรียนดำน้ำลึกคราวนั้น คงต้องเป็นครั้งเดียวในชีวิตจริงๆ