Dumaguete (ออกเสียงว่า “ดูมาเกตเต” หรือ “ดูมาเกเต”) เป็นชื่อเมืองหลวงของจังหวัด Negros Oriental ตั้งอยู่บนเกาะ Negros ฝั่งตะวันออก เกาะ Negros เป็นเกาะที่อยู่ตอนกลางของประเทศติดกับเกาะ Cebu และ Bohol แต่เนื่องจากอยู่ทางฝั่งตะวันตกสุดในบรรดาเกาะทั้งสามนี้ ทำให้เกาะนี้ไม่ค่อยได้รับอิทธิพลจากพายุที่มักจะเกิดขึ้นจากฝั่งตะวันออกของประเทศมากกว่า ส่วนลมฝนที่พัดเข้ามาจากทางตะวันออก ส่วนใหญ่ก็จะโดนเกาะทางตะวันออกดักความชื้นไว้แล้ว ภูมิอากาศของเกาะนี้จึงเหมาะกับการดำน้ำได้ตลอดทั้งปี
ภาพ cover โดย Atmosphere Resorts & Spa, Philippines.
จุดดำน้ำของ Dumaguete
จุดดำน้ำใกล้กับเมือง Dumaguete แบ่งได้เป็น 2 พื้นที่ใหญ่ๆ คือ แนวชายหาดจาก Dauin (ออกเสียงว่า “ดาวอิน” หรือ “ดาวิน”) ทอดยาวกว่าสิบกิโลเมตรไปจนถึง Zamboanguita ซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทดำน้ำหลายสิบแห่ง และ Apo Island ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ มองเห็นได้จากชายหาดและเป็นเขตอุทยานทางทะเลที่มีหมู่บ้านชาวประมงและรีสอร์ทเล็กๆ อยู่บ้าง
Dauin เป็นหมู่บ้านริมทะเลซึ่งมีที่พักสำหรับนักดำน้ำตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก มีตั้งแต่ที่พักนักท่องเที่ยวแบกเป้ ไปจนถึงรีสอร์ตดำน้ำ 3 ดาวหรือ 5 ดาว อย่างเช่น Atmosphere Resorts & Spa หนึ่งในรีสอร์ตดำน้ำที่มีบรรยากาศร่มรื่น ห้องพักหรูหราและอาหารระดับ 5 ดาว รีสอร์ตหลายแห่งให้บริการมานานกว่า 20 ปีแล้ว จนเติบโตมีห้องพักรองรับนักดำน้ำได้เป็นร้อยคน อย่างเช่น Atlantis Dive Resort – Dumageute รีสอร์ตส่วนใหญ่จะอยู่ในเขต Dauin แต่ปัจจุบันรีสอร์ตใหม่ๆ เริ่มจะขยับขยายมายัง Zamboanguita มากขึ้น เพราะอยู่ใกล้ Apo Island มากกว่า เช่น Mahi Mahi Dive Resort หรือ Thalatta Resort
การดำน้ำที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็น boat dive คือ นั่งเรือ Banca ออกไปดำน้ำตามจุดดำน้ำต่างๆ มีเพียงบางจุดซึ่งต้องเดินลงจากชายหาดไป (ส่วนใหญ่ก็คือ house reef หน้ารีสอร์ทนั่นเอง)
จุดดำน้ำที่นี่ส่วนใหญ่จะจัดไว้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก (เล็กมากคือกว้างยาวหลักร้อยเมตรเท่านั้น) แต่ละเขตจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และเก็บค่าธรรมเนียมการเข้ามาดำน้ำของนักท่องเที่ยว ซึ่งค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อการทำงานในพื้นที่นั้นเลย โดยไม่ต้องส่งเข้าส่วนกลางแต่อย่างใด
Dauin – Zamboanguita
ชายหาดตั้งแต่ Dauin ถึง Zamboanguita เป็นหาดทรายสีดำบ้างขาวบ้างปะปนกันไป แสดงว่าพื้นที่นี้มีแนวปะการังปริมาณมากพอให้เกิดเป็นทรายสีขาวได้ด้วย พื้นทรายริมชายหาดนี้ทอดยาวออกไปราว 10-20 เมตรถึงความลึก 6-7 เมตรเป็นแหล่งหญ้าทะเลหลายชนิด ที่ได้ช่วยอนุบาลสัตว์น้ำวัยเด็กมากมายหลายพันธุ์ด้วย ทั้งปลาตัวน้อย ปลาที่พรางตัวกับหญ้าทะเลอย่างเช่น Pipefish หลายชนิด หมึกกล้วย หมึกกระดอง รวมไปถึงทากทะเลตัวจิ๋วหลิว บางทีเมื่อค่อยๆ ดำน้ำจากที่ลึกขึ้นมาพักน้ำแถวนี้แล้ว ยังได้เจอสัตว์แปลกหายากหลายชนิด ให้ถ่ายรูปกันต่อได้อีกนานเลยทีเดียว
เลยจากแนวหญ้าทะเลน้ำตื้นออกไป พื้นทรายจะลาดชันลงสู่ความลึก 15-20 เมตรก่อนจะเริ่มเป็นพื้นทรายราบๆ ที่มีความชันน้อยลง ทอดยาวออกไปไกล และบนพื้นทรายหรือตามกอปะการังที่กระจายอยู่ทั่วไปนี้ รวมถึงบนก้อนปะการังเทียม (artificial reef) นี่เอง ที่เราจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วมากมายสำหรับนักดำน้ำที่ชื่นชอบการถ่ายภาพมาโคร
พื้นทรายหน้าชายหาดบริเวณนี้เป็นจุดดำน้ำแบบ muck dive ที่ขึ้นชื่อมากแห่งหนึ่งของประเทศฟิลิปปินส์ นอกจากสัตว์ที่อยู่ประจำถิ่นที่นี่อย่างเช่น ปลาใบมีดโดนฝูงละหลายสิบตัวจำนวนหลายฝูง งูทะเล และปลาตามแนวปะการังทั่วไปแล้ว ที่นี่เป็นแหล่งผสมพันธุ์และวางไข่ของสัตว์หลายชนิด เช่น ปลากบ (frogfish) หมึกสาย (octopus) และทากทะเล (nudibranch และ sea slug) ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นสัตว์เหล่านี้ในวัยเด็กที่เพิ่งออกจากไข่พร้อมๆ กันเป็นจำนวนมาก ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน
และช่วงเวลาพิเศษ (ฤดูผสมพันธุ์) ของหมึกสายจะเริ่มต้นขึ้นราวเดือนตุลาคม ซึ่งนักดำน้ำจะได้เห็นหมึกสายหลายชนิดจำนวนมาก ออกมาจับคู่กันยามไม่มีกระแสน้ำ และหลังจากจับคู่กันแล้ว นักดำน้ำอย่างเราก็จะได้เห็นพวงไข่หมึกนับแสนพวงกระจายอยู่ทั่วไป ในจุดดำน้ำพิเศษซึ่งลีดดำน้ำท้องถิ่นจะรู้ดีว่าอยู่ที่ไหน
ที่จริงแล้ว muck dive ของที่นี่ได้รับการกล่าวขวัญว่าไม่ต่างจากการดำน้ำที่เลมเบ้ (Lembeh) เลย เพราะมีการพบเห็นทั้ง Greater blueringed octopus, Wonderpus, Mimic octopus, Poison ocellate octopus, Ambon scorpionfish, Flamboyant cuttlefish ในบริเวณนี้อยู่บ่อยๆ รวมถึงปลากบ (Frogfish) มากมายทั้งในแง่จำนวนและชนิดที่อาจพบได้ภายในไดฟ์เดียว
Apo Island
Apo Island เป็นเกาะที่มีแนวปะการังอุดมสมบูรณ์และหนาแน่นมาก มีความหลากหลายสูง แนวปะการังกินพื้นที่รอบเกาะเป็นบริเวณกว้าง (ลงดำน้ำที่นี่แล้วคิดถึงสิมิลันของเราเมื่อ 15-20 ปีก่อน) ซึ่งนอกจากจะพบปลาตามแนวปะการังมากมาย บางชนิดอย่าง Bannerfish หรือ Moorish Idol ว่ายวันกันไปเป็นฝูงแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่อยู่ประจำของเต่าทะเลจำนวนมาก จนนักดำน้ำจะพบเห็นเต่าทะเลได้เกือบทุกไดฟ์ ไดฟ์ละหลายตัว ทั้งเต่ากระและเต่าตนุ (เกาะส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์เป็นพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล) บางจุดดำน้ำที่เกาะนี้ยังมีฝูงกระมงตาโต (Bigeye Trevally) ฝูงใหญ่ที่พบได้ใกล้ผิวน้ำ
แต่ละไดฟ์ไซต์รอบเกาะ Apo Island มีภูมิทัศน์ใต้น้ำแตกต่างกันไป มีอยู่จุดหนึ่งที่เป็นพื้นทรายสีดำมีฟองอากาศผุดขึ้นมาจากพื้นทรายตลอดเวลา และถ้าเอามือซุกลงไปใต้พื้นทรายก็จะรู้สึกอุ่นๆ ด้วย นอกจากนี้แล้ว ถ้าโชคดีอาจได้พบฉลามวาฬหรือกระเบนแมนต้าว่ายน้ำผ่านมาข้างๆ เกาะบ้างเหมือนกัน (ต้องโชคดีมากๆ เลยนะ)
แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ใกล้เมือง
นอกจากเรื่องดำน้ำแล้ว เมือง Dumaguete ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแบบ เช่น
- ตลาด Malatapay (ออกเสียงว่า มาลาตาปาย) เป็นตลาดชุมชนอยู่ตรงท่าเรือที่จะไปยังเกาะ Apo (ใกล้ๆ กับรีสอร์ทดำน้ำ Thalatta Resort) ที่มีเราจะได้เห็นสินค้าพื้นเมือง ทั้งผัก ผลไม้ อาหาร ไปจนถึงการซื้อขายสัตว์เช่น หมู วัว แพะ กันแบบชาวบ้านๆ ทุกเช้าวันพุธ
- เมือง Dumaguete เองก็มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาในเขตหมู่เกาะ Visayas ด้วย หรือจะมองหา street food ทั้งยามกลางวันและยามค่ำคืน ก็ต้องแวะเข้ามาในตัวเมือง อย่างไรก็ตาม ในตัวเมืองอาจจะมีการจราจรติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน ควรวางแผนการเดินทางก่อนออกเที่ยว
- น้ำตกปูลังบาโต (Pulangbato Falls) หรือน้ำตกหินแดง (Red Rock Waterfall) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมือง Dumaguete ไปประมาณ 12 กม. ใกล้ๆ กันนั้นก็มีบ่อน้ำร้อน Red Rock Hot Spring ให้ลงไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายหลังการดำน้ำได้ด้วยนะ
การเดินทางไปยัง Dumaguete
การเดินทางจากบ้านเราไปยัง Dumaguete เลือกได้ 2 เส้นทาง คือ
ทางเลือกแรก บินไปยังมะนิลา แล้วต่อเครื่องไปยังเมือง Dumaguete จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์อีกประมาณ 20-30 นาที ก็ถึงรีสอร์ตดำน้ำในย่าน Dauin รวมเวลาเดินทางและเวลาต่อเครื่องที่สนามบินด้วยก็ราวๆ 8 ชม. (ใช้เวลาบินช่วงแรกประมาณ 3.5 ชม. ต่อเครื่อง 2.5-3 ชม. บินต่ออีกประมาณ 80 นาที.
ทางเลือกที่ 2 บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาะ Cebu แล้วต่อรถยนต์จากเกาะ Cebu มายังท่าเรือ จากนั้นลงเรือเฟอรี่ข้ามมายังเกาะ Negros ใช้เวลา 20 นาที แล้วนั่งรถต่อไปยังรีสอร์ตดำน้ำอีกประมาณ 30-40 นาที รวมเวลาเดินทางประมาณ 9-10 ชม. (ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชม. ต่อรถยนต์ไปยังท่าเรือ 3-4 ชม.) ทั้งนี้เที่ยวบินตรง Bangkok-Cebu อาจมีจำนวนจำกัดในแต่ละสัปดาห์
ทางเลือกที่ 3 บินจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาะ Cebu แล้วต่อเครื่องบินเล็กของสายการบิน Cebgo (Philippine Tiger Airlines)จากเกาะ Cebu ไปยัง Dumaguete รวมเวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชม. (ใช้เวลาบินช่วงแรกประมาณ 4 ชม. เผื่อกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง 30 นาที บินช่วงที่สองอีก 1 ชม. และต่อรถยนต์ไปยังรีสอร์ตอีก 30 นาที) ซึ่งประหยัดเวลาและค่าเดินทางมากกว่า แต่เที่ยวบินจาก Cebu ไปยัง Dumaguete นี้มีเพียงบางวันในสัปดาห์เท่านั้น
เนื่องจากเกาะ Cebu มีแหล่งดำน้ำชื่อดังหลายแห่ง เช่น Malapascua, Moalboal และจุดดำสน็อคเกิลดูฉลามวาฬที่ Oslob ดังนั้น นักดำน้ำบางคนอาจเลือกเส้นทางแบบที่ 2 แล้วเพิ่มจุดแวะพักดำน้ำ 2-3 คืนระหว่างทาง โดยไม่ต้องเดินทางรวดเดียวถึง Dumaguete ก็ได้
สภาพอากาศ ฤดูกาล และฤดูการดำน้ำ
ชายหาดแถบนี้มีสภาพอากาศแบบไม่มีฤดูกาลชัดเจน โดยจะค่อนข้างแห้งในช่วงพฤศจิกายนถึงเมษายน และมีฝนตกบ้างในช่วงอื่นของปี แต่ก็ไม่ตกหนัก รวมทั้งไม่ได้รับผลจากพายุไต้ฝุ่นเท่าไรนัก จึงสามารถดำน้ำได้ตลอดทั้งปี
ถ้าคุณสนใจทริปดำน้ำที่ Dumaguete ลองติดต่อไปที่