‘พิษ “ลานิญ่า” ทำสภาพอากาศเมืองไทยแปรปรวนยาวถึง พ.ค. นักวิชาการเตือนอากาศวิปริต ทำแตนทะเลเกลื่อนชายหาดช่วงหน้าร้อนมหาศาล พิษร้ายคันแสบร้อนทั้งตัว แฉระบาดหนักแถวบางแสน-ชายหาดท่องเที่ยวดังเกือบทุกแห่ง ความแปรปรวนของอากาศในปีนี้ ส่อเค้ายาวยืดไปอีกนาน ส่งผลให้เกิดสภาพการณ์ต่างๆ ที่กระทบกับสภาพชีวิตประจำวันมากขึ้น
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สภาพภูมิอากาศในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ ประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจะได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานิญ่า ส่งผลให้สภาพอากาศในประเทศไทย และในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จะมีความชื้นและปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย จึงขอความร่วมมือจากประชาชนในการตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่ หากพบว่ามีสภาพฟ้าหลัวและภาวะลมสงบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการกระจายตัวสารมลพิษในอากาศ โปรดงดเผาในที่โล่งทุกชนิด เช่น เผาขยะ เผาหญ้า เผาเศษวัสดุการ เกษตร ในไร่นา เผาป่า เผาหญ้าริมทางหลวง เป็นต้น
ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้อยากเตือนผู้ที่จะเดินทางไปเล่นน้ำทะเลว่า อาจจะเจอกับแพลงก์ตอนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แตนทะเล (sea wasp) ล่าสุดแถวชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ก็มีครอบครัวหนึ่งที่ไปเล่นน้ำแล้วเกิดอาการคันและมีผื่นขึ้นหลายราย ทั้งนี้ คงจะมาจากสัมผัสกับแตนทะเล ที่มีลักษณะคล้ายแมงกะพรุนขนาดจิ๋ว ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่มีพิษระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดอาการคันมาก โดยเฉพาะคนที่มีอาการแพ้อาจจะทำให้มีไข้ หรือผื่นขึ้นรุนแรงได้ โดยปกติแล้วเมื่อสัมผัสถูกแพลงก์ตอนชนิดนี้ จะสามารถรู้สึกได้ง่ายเพราะเกิดอาการคันยิบยับ ผู้สัมผัสควรจะขึ้นจากน้ำทะเลทันที
ทั้งนี้ เบื้องต้นอาจจะใช้น้ำส้มสายชูราดบรรเทาพิษได้ และรักษาโดยใช้ยาทาต่อไป แต่ในเด็กๆ ส่วนใหญ่เมื่อสัมผัสกับแพลงก์ตอนก็อาจจะไม่รู้สึกอะไร เพราะสนุกอยู่กับการเล่นน้ำมากกว่า ทำให้ผิวหนังสัมผัสเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ “อยากแนะนำสำหรับผู้ปกครอง หรือผู้ที่ไปเที่ยวทะเลในช่วงปิดเทอมและต้องการหลีกเลี่ยงจากการเจอพิษจากแพลงก์ตอนชนิดนี้ ควรจะแต่งกายให้มิดชิด ไม่ควรแต่งเปลือยจนเกินไป เพราะจะทำให้แตนทะเลสัมผัสกับผิวหนังได้ง่าย อาจจะเป็นกางเกงขายาว เสื้อแขนยาว จะดีกว่า นอกจากนี้การใช้ครีมกันแดดทาป้องกันก็สามารถช่วยได้เช่นกัน” ดร.ธรณ์ กล่าว
ดร.ธรณ์ กล่าวอีกว่า แพลงก์ตอนชนิดนี้จะไม่ได้มาเป็นฤดูกาล แต่จะมาตามกระแสน้ำกระแสลม และไม่เกี่ยวกับคุณภาพน้ำ ในอดีตอาจจะพบในบางช่วงเวลา แต่ในขณะนี้พบว่ามีแตนทะเลในทุกชายหาดตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับการพัดพาของกระแสลมและกระแสน้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พบแตนทะเลจำนวนมหาศาลในทุกๆ ชายหาด อยากเตือนผู้ที่จะไปเล่นน้ำทะเลในช่วงฤดูร้อนนี้ ว่าหากไม่ต้องการสัมผัสกับแตนทะเลก็ต้องแต่งกายให้มิดชิด เมื่อพบว่ารู้สึกคันยิบยับก็ให้ขึ้นจากทะเลทันที เพราะตอนนี้พบว่าแตนทะเลมีมากขึ้น และไม่สามารถบอกได้ว่าที่ไหนมีหรือไม่มี ดังนั้นจึงควรป้องกันไว้ดีกว่า เพราะผู้ที่แพ้อาจจะมีอาการรุนแรง แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการสัมผัสแตนทะเล