นักดำน้ำบางคนตีฟินด้วยการเตะขาสลับ บางคนตีท่ากบ แล้วจริงๆ มันมีการตีขาแบบไหนกันบ้างนะ ? วันนี้เราจะไปดูกันเลย…
การตีฟินพื้นฐานที่ใช้ในการดำน้ำ มี 2 รูปแบบ ได้แก่
Flutter kick
การตีฟินสลับซ้าย – ขวา ก็แบบที่เราตีกันในคอร์ส Open Water Diver นั่นแหละ โดยปกติเราจะตีแบบนี้เวลาที่เราสู้กระแสน้ำหรือต้องการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่
Frog kick
การตีกบ เราจะใช้ฟินด้านอุ้งเท้าถีบน้ำให้ตัวเราเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเราเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เพราะท่านี้ถ้าทำถูกจะเหนื่อยน้อยกว่า Flutter kick
ส่วนเทคนิคขั้นที่สูงขึ้น ส่วนใหญ่จะเห็นใน Technical diver และอยู่ในท่าที่ streamline และยกฟินสูงจากพื้นตลอดเวลาเพื่อลดการฟุ้งของตะกอนที่พื้น ทำให้เราควบคุมการเคลื่อนที่และทิศทางได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่
- การเบรค : เป็นการกางใบฟินออกทางด้านข้าง เพื่อให้ต้านน้ำ ช่วยให้เราชะลอความเร็วหรือหยุด
- Modified flutter kick : เป็นการเตะสลับขา แต่พับเข่ายกฟินขึ้นสูง และใช้ข้อเท้าเป็นหลัก
- Modified frog kick : เป็นการตีขาด้วยท่ากบแต่ขยับเพียงข้อเท้า และยกฟินสูงขึ้น
- Shuffle kick : เป็นการตีฟินถี่ๆ โดยการขยับขาส่วนหน้าแข้ง และข้อเท้า ให้ปลายฟินสะบัดผลักน้ำ ส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่ไม่เร็ว มักใช้เข้าในที่แคบที่มีตะกอนที่พื้น
- Back kick : การตีถอยหลัง เป็นการทำขั้นตอนสวนกับการตี frog kick โดยใช้ฟินคัดน้ำออกเพื่อให้ตัวเองถอยหลัง มักใช้ในที่แคบที่กลับตัวลำบาก หรือไม่มีพื้นที่ให้หมุนตัว
- Helicopter turn : การหมุนกลับตัวด้วยการตีฟิน ใช้พื้นฐานมาจาก modified frog kick เป็นการใช้ข้อเท้าในการตีฟินโดยขาข้างหนึ่งตีฟินเข้าด้านใน ส่วนขาอีกข้างหนึ่งตีฟินออกด้านนอก โดยรักษา streamline position ตลอดเวลา
การตีฟินที่มีประสิทธิภาพนั้นแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ ตั้งท่า (setup) > ตีฟิน (kick) > ปล่อยให้ตัวไหลไป (gliding)
การที่เรามีเทคนิคการตีฟินที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้อากาศดีมากขึ้น ควบคุมทิศทางได้ดีขึ้น เข้าใกล้สิ่งมีชีวิตที่สนใจได้มากขึ้นอีกด้วย… ใครรู้จักแบบไหน หรือตีฟินแบบไหนได้บ้าง มา comment กันนะ!!!
บทความจาก Facebook: Tecrew