Diving in coral - 001

วันไหนน้ำใส? วันไหนน้ำไม่แรง?

วันไหนน้ำใส วันไหนน้ำไม่แรง? คำถามที่น่าคิด

น้องๆ นักดำน้ำที่เริ่มดำมากขึ้นแล้วและกำลังเลือกทริป วางแผนลางาน มักมีคำถามว่าดำน้ำช่วงไหนถึงน้ำไม่แรงและน้ำไม่ขุ่น

ผมตอบแบบนี้ไม่รู้พอช่วยได้ไหม 555

คำถามที่ 1 วันนั้นน้ำจะใสหรือจะขุ่น?

เรื่องนี้มันขึ้นกับวาสนาครับ ผมไม่ได้ตอบแบบกวนๆ นะครับ 555 เพราะในขนาด dive site เดียวกันยังมีบางส่วนใส บางส่วนขุ่น ขึ้นกับว่าวันนั้นน้ำขุ่นด้วยสาเหตุอะไร เพราะตะกอนมีมาก แพลงก์ตอนบูม น้ำฝนชะโคลนหน้าดินลงมาจากฝั่ง หรืออาจเพราะกระแสน้ำพัดตะกอนทรายมาจากเรือลากอวนนอกกอง สุดแล้วแต่อะไรจะลอยมาที่จุดดำน้ำบ้าง

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงเกินคาดเดาจริงๆ ครับ

แต่อย่าหมดหวังครับ เราพอจะสอบถามได้ว่าวันนี้น้ำเป็นอย่างไรแล้วประเมินว่าในวันที่เราจะไปดำมันยังจะเป็นแบบนั้นไหม เพราะเดี๋ยวนี้เรามีโซเชียล ไม่ต้องพึงวาสนาอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน 555

คำถามที่ 2 วันนั้นจะมีกระแสน้ำแรงไหมเวลาที่เราลงไปใต้น้ำ

เรื่องนี้ผมขอออกตัวนิดนึงนะครับว่าอาจมีท่านอื่นอธิบายได้ดีกว่า ผมจะเล่าแบบนี้ครับ เราสามารถดูกระแสน้ำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้จาก ตารางน้ำขึ้นน้ำลง (มีขายเป็นเล่มผลิตโดยกองทัพเรือเล่มละ 120 บาท) โดยสังเกตจากความเร็วของน้ำที่เปลี่ยนไปในช่วงเวลาที่เราจะดำ มันจะบอกถึงความเร็วของการไหลของน้ำได้ เมื่อเรารู้ค่าการไหลแล้วยังไม่พอนะครับ สิ่งที่เราต้องพิจารณาร่วมอีกคือลักษณะภูมิประเทศของจุดดำน้ำ การไหลของน้ำที่  dive site ขณะนั้นด้วย

ทีนี้เราต้องสร้างความเข้าใจก่อนว่า ตารางน้ำนั้นแสดงค่าที่ตำแหน่งจุดตรวจวัดใกล้ฝั่งและไม่ตรงกับจุดที่เราจะดำจริงๆ ดังนั้นค่าตามตารางอาจไม่ตรงตามเวลาที่ได้ระบุไว้ เราต้องเผื่อเวลาให้น้ำเดินทางด้วย ที่จุดดำน้ำนั้นอาจช้ากว่าหรือเร็วกว่าบ้าง และเราอาจต้องพิจารณาจาก 2 จุดตรวจเพื่อจะได้ทำนายการไหลของน้ำได้แม่นยำขึ้น

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องอาศัยความชำนาญของครูดำน้ำที่มีประสบการณ์และไต้ก๋งเรือที่วิ่งเส้นทางนั้นประจำ

การดูว่าจุดดำน้ำที่เราจะลงนั้นมีกระแสมากน้อยแค่ไหน ทิศทางใด จึงจำเป็นต้องไปคอนเฟิร์ม ณ จุดดำน้ำนั้นๆ อีกครั้ง

ในฐานะที่เราเป็นนักท่องเที่ยวสายอ่อน 555 จึงไม่สามารถรู้ได้ชัดเจนมากนัก เรารู้ได้เพียงคร่าวๆ เท่านั้นจากตารางน้ำว่าวันนั้นๆ กระแสน้ำจะไหลมากกว่าวันอื่นๆ ไหมแค่นั้นเอง คงจะดูไปมากกว่านั้นไม่ได้

แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ ถ้าเราจำเป็นต้องดำน้ำตามวันหยุดที่เรามี และวันละ 3 หรือ 4 ไดฟ์ โดยที่วันนั้นตรงกับเวลาที่กระแสแรงกว่าปกติไปมาก ครูดำน้ำจะประเมินความสามารถเราก่อน บางครั้งเขาอาจจะไม่พาเราไปจุดที่น้ำไหลมาก หรือเขาอาจพาเราไปดำจุดที่มีเกาะ กองหิน หรือแนวปะการังบังกระแสน้ำเพื่อให้เราได้ดำน้ำอย่างเพลิดเพลินและปลอดภัย

คำถามที่ 3 วันนั้นเป็นวันน้ำใหญ่ (15 ค่ำ) จะน้ำแรงไหม?

วันน้ำใหญ่หรือบางคนเรียกว่า น้ำเป็น เป็นภาษาชาวเรือ เรียกวันที่น้ำขึ้นและไหลโดยอ้างอิงจากดวงจันทร์ เช่น
ขึ้น 15 ค่ำ แถวนี้น้ำไหลมาก ในทำนองเดียวกันกับแรม 15 ค่ำ

สาเหตุเพราะแบบนี้ครับ เมื่อพระจันทร์เต็มดวงระดับน้ำจะขึ้นสูงเนื่องจากดวงจันทร์ดูดมวลน้ำขึ้นไปหาตัวมัน

เช่น ปกติเรือจม วัดจากผิวน้ำถึงกราบเรือได้ 25 เมตร วันที่พระจันทร์เต็มดวง เราอาจวัดได้ถึง 30 เมตร

ในวันพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ บางเดือน บางพื้นที่ เช่น อันดามันใต้ จะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มและลดระดับรวดเร็วกว่าวันอื่นๆ มาก ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะทำให้เกิดกระแสน้ำแรง (ดูได้จากตารางน้ำจะแม่นยำกว่าการดูดวงจันทร์)
ที่ผมใช้คำว่าบางเดือน เพราะไม่ใช่ทุกเดือนที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และบางจุดดำน้ำก็ไม่มีผล เพราะมันไปเกิดผลขึ้นตอนกลางคืน เวลาที่เราไม่ได้ดำน้ำครับ เราเลยไม่ได้รับผลกระทบจากมัน 5555

อย่างไรก็ตาม ในวันที่น้ำเป็นหรือน้ำใหญ่ ก็จะมีบางเวลาที่น้ำหยุดไหลเหมือนกันต้องดูตารางน้ำ เช่น ตอนที่น้ำกำลังเปลี่ยนทิศจากน้ำขึ้นเป็นน้ำลง

การลงดำน้ำช่วงที่น้ำไหลอยู่อาจจะยากอยู่บ้าง โดยเฉพาะ dive site ที่เป็นกองหินใต้น้ำ หัวแหลม เรือจม
ไดฟ์หลีดก็เหนื่อยกับลูกทัวร์หน่อย 5555 แต่เขาจะรู้เองครับว่าลงได้หรือไม่ วันนั้นมีดิงกี้ (เรือยาง) คอยรับส่งไหม หรือลงตรงไหนดำง่ายกว่าเมื่อถึงหน้างาน (dive site)

สำหรับน้องๆ มือใหม่ ผมอยากบอกว่าไปดำเถอะครับ ดำน้ำใสบ้าง ขุ่นบ้าง ไหลบ้าง นิ่งบ้าง จะได้มีประสบการณ์ทุกสถานการณ์ มันมีดีทุกไดฟ์แหละครับ ถ้าครั้งไหนดำแล้วเจอวันน้ำขุ่นก็ให้คิดซะว่าวันนั้นมีลุ้นตัวใหญ่ มองออกไปไกลๆ นอกกองคุณอาจจะได้พบ แขกไม่ได้รับเชิญก็เป็นได้ อย่างในคลิปนี้ 555

ปล. ที่เล่ามาทั้งหมดยังไม่เกี่ยวกับคลื่นและลมตามฤดูกาลเลยนะครับอย่าสับสน 5555 ไว้ว่างๆ จะเขียนเรื่องคลื่นกับลมให้อ่านครับ

บทความจาก Facebook: Keng Krob