เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 63 มูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ออกไปอีกจนถึง 9 มิ.ย. 63 เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนจากเดิมที่มีกำหนดบังคับใช้ถึงวันที่ 12 พ.ค. 63 ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลามาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เริ่มบังคับใช้ครั้งแรกเมื่อ 18 มี.ค. 63 โดยจะพิจารณาต่อเวลามาตรการดังกล่าวทุก 14 วัน (เช่นเดียวกับในประเทศไทย) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเลเซียเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการลงมากตั้งแต่ 4 พ.ค. 63 โดยอนุญาตให้สถานประกอบการกลับมาเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไขการรักษาระยะห่างทางสังคม โดยเว้นระยะห่างไม่ต่ำกว่า 1 เมตร และต้องสวมหน้ากากอนามัย รวมถึงอนุญาตให้พาหนะส่วนบุคคลมีผู้ร่วมเดินทางได้ไม่เกิน 4 คน (รวมคนขับรถ) และยังคงห้ามการชุมนุมของคนจำนวนมาก ห้ามการเดินทางข้ามรัฐที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว 6,726 คน เสียชีวิต 109 คน และสถานการณ์ล่าสุดวันที่ 12 พ.ค. 63 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 70 ราย ทั้งนี้ มาเลเซียได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนทั่วประเทศมาตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. โดยมีการสั่งการให้ปิดชายแดน โรงเรียน และธุรกิจต่าง ๆ จนกระทั่งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศเริ่มลดลงเหลือตัวเลขสองหลักตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
มาเลเซียเคยเป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน แต่ปัจจุบันยอดจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเริ่มลดลงจนอยู่ในลำดับที่ 9 ของอาเซียน (6,726 คน) ถัดมาเป็นประเทศไทย อยู่ในลำดับที่ 10 (3,017 คน) นับว่ามาเลเซียเป็นประเทศหนึ่งที่สามารถรับมือกับวิกฤติโควิดได้ดีทีเดียว หากมาเลเซียยังควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าได้ดีเช่นนี้ต่อไป ในอีกไม่นานพวกเรานักดำน้ำคงได้กลับไปดำน้ำที่ “สิปาดัน” แหล่งดำน้ำที่สวยติดอันดับโลกได้ในไม่ช้าแน่นอน
ที่มา
เขียนโดย | รัตติยา แวนวน |
เผยแพร่ครั้งแรก | 12 พ.ค. 63 |