ผมว่าเรือจมสุทธาทิพย์เป็นชื่อที่นักดำน้ำไทยส่วนมากจะรู้จัก เพราะอยู่ที่สัตหีบใกล้กับ กทม. มาก สามารถขับรถไปดำแบบเช้าเย็นกลับได้สบายๆ หรือจะค้างที่พัทยาก็ได้ ขับรถประมาณ 40 นาทีก็ถึง
ที่จุดนี้ ส่วนใหญ่จะให้แต่นักดำน้ำที่มีทักษะพอสมควรลง มักจะไม่ให้นักดำน้ำมือใหม่ลง แต่แน่นอนครับว่า ก็จะมีบางท่านที่พานักดำน้ำประสบการณ์ 5 ไดฟ์ลง แล้วน้องคนที่ลงก็หลุดลอยขึ้นมาคนเดียว และมาเขียนเล่าถึงความสนุกตื่นเต้นให้เพื่อนในโลกออนไลน์ฟัง ซึ่งพอดีผมไปอ่านเจอ ผมไม่รู้ว่าน้องเค้ารู้ไหมว่าน้องเกือบตายแล้ว แต่อย่าไปสนใจมากเลยครับ มาฟังเรื่องที่ผมจะเล่านี้ดีกว่า
เรือจมสุทธาทิพย์ เป็นจุดดำน้ำที่ค่อนข้างลึก และอยู่ในร่องน้ำ ระหว่างเกาะหลายเกาะ แปลว่ามันจะมีกระแสน้ำมาจากหลายทิศทางขึ้นกับว่าวันนั้นๆ น้ำไหลไปทางไหน ผ่านเกาะไหนมามากน้อยกว่ากัน
วันที่ผมลงนั้น เรามีโอกาสลงได้ 2 ไดฟ์เลยในวันเดียว ซึ่งหาโอกาสได้ยาก
ไดฟ์แรก น้ำนิ่งมาก ที่ผิวน้ำแทบไม่เห็นว่าน้ำไหลเลย พอลงเท่านั้น ความแปลกใจก็เกิดขึ้นที่ระดับประมาณ 10 เมตร ทำไมปล่อยลมหมดแล้ว ตัวไม่จม เหมือนมีแรงดันให้ตัวลอย (ลอยแบบเท้าชี้ฟ้าเลย นึกในใจเหมือนตะกั่วหลุดหายเลยแต่ก็อยู่ครบดี) ต้องสาวเชือกลงด้วยแรงแขนของนักปีนผาแบบผมยังรู้สึกหนักและช่วยตีขาลงไป ทั้งที่ที่ผิวน้ำไม่มีอะไรเลย พอลงไปถึงที่ระดับ 20 เมตร ตัวถึงลงได้ตามปกติ เพราะตัวเรือได้บังกระแสน้ำให้เราไปบ้างแล้ว
พอลงได้เราก็ดำดูเรือได้ตามปกติ แต่ต้องระวังอยู่ 2 เรื่อง คือ อากาศ และอย่าไปสูงกว่ากราบเรือด้านบน อ้อ เรือลำนี้จมตะแคงครับ เวลาดำเข้าไปในตัวเรือก็จะดำง่ายกว่าเรือจมที่แบบวางตัวปกติ เพราะอะไรนะเหรอครับ เพราะพอเราเข้าไปข้างใน เพดานบนหัวเราก็จะสูงเกือบ 8 เมตร เหมือนห้องโถงหรูๆ ที่มีแสงลอดส่องออกมาเป็นจังหวะๆ ไม่เหมือนเรือจมอื่นๆ ที่เพดานบนหัวจะเตี้ย สูงไม่เกิน 3 เมตร และทึบแสง
ในขณะที่ผมดำดูในตัวเรืออยู่นั้น ด้วยความสวยแปลกตา ทำให้เราลืมเรื่องกระแสน้ำไปเลย เป็นการดำเรือจมที่ดีมากๆ ไม่แปลกใจที่มีคนไปดำที่จุดนี้ซ้ำบ่อยๆ
ขณะผมดำนั้น ผมเข้าใจว่าครูของผมดำมาเช็คว่าผมมีการหลอนเนื่องจากเมาไนโตรเจนหรือไม่ 555 เอาไฟมาฉายหน้าผม พอผมเอามือบัง เค้าคงรู้แล้วว่าผมไม่เป็นอะไร นั่นแหละครับ คือความเป็นห่วงเป็นใยต่อลูกศิษย์ ของครูดำน้ำรุ่นปรมาจารย์ ตอนจบไดฟ์ ผมกับบัดดี้ไปหาทุ่นทางขึ้น 2 คน บัดดี้ของผมเขียนถามผมว่า ทุ่นทางขึ้นอยู่ไหน ผมเขียนตอบไปว่า “5555 ??” แล้วเราก็ดำออกไปหากัน พอเจอเราก็ขึ้น ระหว่างขึ้น ก็ไม่ลืมทำ deep stop ก่อน แถวๆ 13 เมตร ขึ้นมาก็มาขำกัน 555 มีความสุขไป รอไดฟ์ 2
พอไดฟ์ 2 …มีกระแสน้ำ 1 dm. ที่ผิวน้ำรอบๆ ไม่แรง แต่มาแรงแถวๆ ทุ่นที่เรือจมอยู่ เพราะน้ำไหลผ่านเกาะโรงหนังมาปะทะเข้ากับเรือที่ขวางอยู่ใต้น้ำ ทำให้น้ำยกตัวเป็นคลื่นน่าหวาดเสียว ก่อนลง เราต้องรอกระแสน้ำเกือบ 4 ชม. ครูดำน้ำของผมท่านเรียกพวกเรามาบรีฟแล้ว บอกให้ระวังถ้าลงแล้วจับทุ่นไม่ได้ ก็ให้หยุดดำไดฟ์นี้ไปอย่าฝืนที่จะลงต่อ หรือในกรณีที่ลงไปแล้วเจอเชือกทุ่นให้จับ แล้วลงต่อไม่ได้ก็ให้กลับขึ้นมา ไม่ต้องดำไดฟ์นี้ ส่วนวันนี้กัปตันก็ให้เรารอจนกว่าความแรงที่ผิวน้ำบริเวณทุ่นจะลดลง ผมแต่งตัวยืนรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง สุดท้ายกัปตันก็ปัดท้ายเรือแล้วให้เรากระโดดลงทีละ 4 คน
ที่ผิวน้ำน้ำแรงมาก แต่พอลงไปกลับไม่มีอะไร ลงง่ายกว่าไดฟ์แรกซึ่งน้ำนิ่งอีก ผมรู้สึกแปลกใจ แปลกแล้วแปลกอีก อะไรเนี่ยที่นี่ไม่มีอะไรเป็นหลักเกณฑ์ได้เลย???!!!!
เราเริ่มดำจากลึกสุดที่ความลึกประมาณ 27 เมตร จนขึ้นมาที่ความลึกประมาณ 20 เมตรและเมื่ออากาศเหลือประมาณ 70 บาร์ ตอนนั้น เราคิดว่าจะว่ายตัดไปที่ทุ่นเพื่อจะขึ้นที่ระดับ 20 เมตรนี้เลย ปรากฏว่าพอห่างจากตัวเรือไปประมาณ 4 – 5 เมตร เราเจอกระแสน้ำแรงมาก และขุ่นมากจนมองอะไรไม่เห็น เราเลยต้องกลับลงไปที่ระดับ 27 เมตร เพื่อหลบกระแสน้ำและความขุ่นของน้ำ แล้วค่อยๆ ดำไปที่ทุ่นที่อยู่ใกล้ตัวเรือ แล้วดำตามไกด์ไลน์เชือกที่อยู่กับพื้น เพื่อดำไปหาทุ่นผูกเรือที่ขึ้นผิวน้ำ ตอนขึ้นผมพยายามสังเกต พบว่าบริเวณเหนือกราบเรือแถวๆ 20 เมตรนั้น จะขุ่นจนถึงระดับประมาณ 13 เมตร บริเวณที่เราทำ deep stop ตรงนั้นน้ำใส
ช่วงแถบน้ำขุ่นที่หนาประมาณ 5 – 6 เมตรนี้ผมว่าน่ากลัว ถ้านักดำน้ำที่ยังใหม่อยู่ หลุดในแถบน้ำขุ่นบริเวณนี้เขาอาจจะหลุดไปได้โดยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
การดำน้ำที่เรือสุทธาทิพย์ครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับผม เพราะเราได้เห็นความใจเย็นของกัปตันเรือที่รอเวลาจนน้ำดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในวันนี้ ผมได้เห็นการบรีฟที่เต็มไปด้วยคุณภาพของครูรุ่นปรมาจารย์ ที่เป็นไปด้วยความห่วงใยต่อลูกศิษย์และนักดำน้ำภายใต้การดูแล
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเราต้องไม่ประมาทและดำน้ำตามความสามารถของเรามีอยู่ การประเมินความสามารถให้ต่ำกว่าความสามารถจริงของเราจะเป็นตัวช่วยทำให้เราปลอดภัยยิ่งขึ้น
ปล. ข้อควรระวัง ตอนขึ้นระวังเชือกบางเส้นมันขาดลอยอยู่กลางน้ำ เป็นทุ่นเก่า ถ้าขึ้นผิดจะลำบากมาก ต้องกลับลงมาหาเชือกทุ่นที่ส่งเราขึ้นจนถึงผิวน้ำถึงจะปลอดภัย
บทความจาก Facebook: Keng Krob