ในช่วงมรสุม เราอาจมีโอกาสพบเจอสิ่งมีชีวิตสีฟ้าสดใสรูปทรงเหมือนลูกโป่งลอยน้ำริมหาด สิ่งนั้นอาจเป็น “แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส” ด้วยรูปลักษณ์สวยสะดุดตา หลายคนอาจเผลอเข้าไปใกล้หรือหยิบมาสัมผัส แต่รู้หรือไม่ว่า หนวดของมันเต็มไปด้วยเซลล์พิษที่อันตรายถึงชีวิต จนมันได้ชื่อว่าเป็น แมงกะพรุนไฟที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสให้มากขึ้น
ชื่อนี้มีที่มา
แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Physalia physali จัดอยู่ในไฟลัม Cnidaria คลาส Hydrozoa แฟมิลี่ Physaliidae แม้จะถูกเรียกว่าเป็นแมงกะพรุน แต่เป็นสัตว์คนละชั้นกับแมงกะพรุนแท้ทั่วไป
ชื่อ “หมวกโปรตุเกส” มาจากรูปร่างที่คล้ายหมวกของทหารเรือโปรตุเกสในศตวรรษที่ 18 หรือคล้ายใบเรือของเรือรบยุคล่าอาณานิคมที่เรียกว่า Man of war ทำให้มีอีกชื่อว่า “แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส” หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Portuguese Man o’ War
รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร?
- ลําตัวเป็นสีชมพูม่วง น้ำเงิน หรือเขียว ยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร
- รูปร่างของร่มแมงกะพรุนมีลักษณะคล้ายเรือใบ หรือลูกโป่งลอยน้ำ บริเวณปากยื่นยาวออกมาจากร่างกาย
- หนวดของมันยาวได้ถึง 30 เมตร เต็มไปด้วยเซลล์พิษ (Nematocyst) ที่สามารถทำลายเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อของเหยื่อ
พิษร้ายแรงแค่ไหน?
พิษจากหนวดของแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส มีฤทธิ์ทำลายผิวหนัง ระบบประสาท และระบบไหลเวียนโลหิต เมื่อสัมผัสพิษอาจทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น
- แสบร้อนอย่างรุนแรง คล้ายโดนไฟลวก
- ปวดกล้ามเนื้อ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
- ในบางรายอาจถึงขั้นหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิต
และแม้จะมีพิษร้ายแรง แต่มันก็ยังตกเป็นอาหารของทากทะเลหรือทากเปลือยบางชนิด โดยที่เข็มพิษของแมงกะพรุนไม่สามารถทำอันตรายทากทะเลได้
ถ้าสัมผัสโดนพิษต้องทำอย่างไร?
ถ้าถูกสัมผัสหรือพันด้วยหนวดของแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส ต้องรีบทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อย่าใช้มือเปล่าสัมผัสหนวดเด็ดขาด ให้ใช้วัสดุแข็ง (เช่น บัตรแข็ง ไม้ หรือพลาสติก) เขี่ยหนวดออก
- ล้างด้วยน้ำทะเลเท่านั้น ห้ามใช้น้ำจืด และ ห้ามใช้น้ำส้มสายชู เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้พิษทำงานมากขึ้น
- รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที หากมีอาการรุนแรง
แม้ว่าปกติจะพบแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสในทะเลเปิดแถบต่างประเทศ เช่น มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ มหาสมุทรแปซิฟิก อินเดีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แมงกะพรุนชนิดนี้ได้ถูกพัดพาเข้ามาเกยชายฝั่งไทยหลายครั้ง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยเฉพาะช่วงฤดูมรสุม
ดังนั้น การทำความรู้จักและเข้าใจสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็น รูปร่างหน้าตา พิษ และวิธีปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เราและคนรอบข้างปลอดภัยจากอันตรายที่ร้ายแรงของมัน