ถังอากาศดำน้ำ (Scuba Tank) เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในการดำน้ำแบบ Scuba เพราะเป็นแหล่งจ่ายอากาศให้กับนักดำน้ำ
ถังที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมออาจเกิดสนิมภายใน รั่วซึม และเสี่ยงระเบิดได้ หรือแม้กระทั่งปัญหาสิ่งปนเปื้อนในถัง ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของนักดำน้ำโดยตรงหากหายใจเอาอากาศในถังเข้าไป การดูแลรักษาถังอากาศจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยด้วย
ในบทความนี้เราจะมาดูกันกว่า หากเราเป็นเจ้าของถังอากาศดำน้ำ จะมีการสังเกตถังอากาศเบื้องต้น และจะมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร
วิธีสังเกตถังอากาศเบื้องต้น สัญญาณเตือนเหล่านี้อาจหมายถึงถังอากาศไม่ปลอดภัย
1. มีเสียงรั่วซึมบริเวณวาล์วหรือคอถัง
หากได้ยินเสียง “ฟู่” เล็ดลอดออกมาแม้ยังไม่ได้เปิดใช้งาน หรือเมื่อขันวาล์วแน่นแล้ว อาจเกิดจาก ซีลชำรุด, เกลียวหลวม หรือวาล์วรั่ว ต้องนำถังไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบทันที
2. พบรอยสนิม หรือคราบน้ำเค็มเกาะบริเวณตัวถัง
แม้เป็นเพียงคราบเล็กๆ ก็บ่งบอกได้ว่ามีการเก็บถังไม่ถูกวิธี หรือเกิดการกัดกร่อนระยะเริ่มต้น หากปล่อยไว้ สนิมอาจลุกลามถึงภายในและทำให้ถังเสี่ยงต่อการแตกร้าวหรือระเบิด
3. ถังมีรอยบุบ หรือเสียรูปทรง
ถังที่มีรอยบุบหรือถูกกระแทก อาจมีโครงสร้างภายในเสียหายโดยที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก การใช้งานต่ออาจเสี่ยงอันตรายเมื่อถังได้รับแรงดันสูงขึ้นในน้ำลึก
4. ถังมีกลิ่นผิดปกติจากอากาศที่ปล่อยออกมา
กลิ่นเหม็นหืน กลิ่นน้ำมัน บ่งชี้ว่า อากาศในถังอาจปนเปื้อน ซึ่งอาจเกิดจากการเติมอากาศจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัย หรือความชื้นที่ตกค้างในถัง
การหายใจเอาอากาศที่ปนเปื้อนเข้าไป อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย เช่น
- พิษจากการสูดดม – ละอองน้ำมันทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดหัว และมึนงง หากปนเปื้อนในระดับสูงอาจทำให้หมดสติใต้น้ำ เสี่ยงต่อการจมน้ำเสียชีวิต
- อันตรายต่อปอด – อาจเข้าสู่ถุงลมปอด ทำให้เกิดการอักเสบหรืออุดตัน เสี่ยงเกิดภาวะ ปอดบวมจากสารเคมี (Chemical Pneumonitis)
- อันตรายต่อระบบประสาท – การสัมผัสสารไฮโดรคาร์บอนในน้ำมันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิด อาการสั่น เดินเซ สมองทำงานไม่ปกติ

❗️นอกจากนี้ น้ำหรือความชื้นที่ปนเปื้อนในถังอากาศ สามารถเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา แบคทีเรีย เช่น Pseudomonas หรือ Mycobacterium ซึ่งทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ และปอดติดเชื้อ
5. ไม่มีการตรวจสอบถังตามระยะเวลาที่กำหนด
ถ้าถังไม่มีสลักปีที่ตรวจไว้ หรือไม่ได้ตรวจ Visual Inspection ภายใน 1 ปี หรือ Hydrostatic Test ภายใน 5 ปี – ถือว่าไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน ถึงแม้จะดูใหม่ก็ตาม
ปัญหาที่พบบ่อยจากถังอากาศดำน้ำ
ถังอากาศที่ไม่มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ อาจมีการเสื่อมสภาพที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของนักดำน้ำได้ การรู้จักปัญหาที่พบบ่อยจากถังอากาศจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
การเกิดสนิมออกไซด์ (Aluminum Oxidation)
ถังอลูมิเนียมใหม่จะมีผิวภายในเป็นมันเงา แต่เมื่อใช้งานไป ผิวภายในจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นอย่างสม่ำเสมอ สีเทาหม่นนี้เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของอลูมิเนียม ซึ่งคล้ายกับที่พบในทองแดงหรือทองเหลือง เป็นสิ่งปกติ และไม่เป็นอันตราย เนื่องจากชั้นออกไซด์นี้ไม่ลึกและไม่ส่งผลต่อความแข็งแรงของถัง
การกัดกร่อนแบบพิตติ้ง (Saltwater Pitting)
ถังอลูมิเนียมที่สัมผัสน้ำเค็มบ่อยๆ จะเกิดการกัดกร่อนเฉพาะจุดอย่างลึก เกิดเป็น “ตุ่มสีขาว” หรือ “จุดด่าง” ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายและควรถอดถังออกจากการใช้งาน
การแตกร้าวบริเวณคอถัง (Neck Cracks)
บริเวณคอถังมีความเปราะบางเนื่องจากกระบวนการขึ้นรูปโลหะ ควรตรวจสอบรอยร้าวเล็กๆ ที่อาจมองเห็นเป็นเส้นสีขาวหรือสีเข้มที่แตกต่างจากพื้นผิวปกติ อาจเกิดจากการที่อะลูมิเนียมแตกแล้วเกิดออกไซด์ขึ้น หากพบรอยร้าวจริงไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน ถังนั้นต้องเลิกใช้งานทันที
ความเสียหายจากการขันวาล์วแน่นเกินไป (Over-tightened Valves)
การใช้เครื่องมือขันวาล์วแรงเกินไป อาจทำให้เกลียวเสียหายหรือคอถังร้าว ในถังยุโรปเก่าๆ ที่ใช้วาล์วแบบเกลียวโคน (conical thread) ยิ่งมีความเสี่ยงสูง
การกัดกร่อนแบบกัลวานิก (Galvanic Corrosion)
ถังที่สัมผัสกับโลหะชนิดอื่นในสภาพแวดล้อมที่เปียกหรือมีน้ำเค็ม จะเกิด “ปฏิกิริยาทางไฟฟ้าเคมี” ระหว่างโลหะต่างชนิด ซึ่งเร่งการกัดกร่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว
การดูแลรักษา
แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ การดูแลรักษาประจำวัน การดูแลรักษาตามระยะ และการดูแลรักษาถังที่ไม่ได้ใช้งานระยะยาว
1. การดูแลรักษาประจำวัน
- ห้ามเติมอากาศที่เปียกชื้นหรือปนเปื้อน ลงในถังโดยเด็ดขาด
- หลังการดำน้ำทุกครั้ง โดยเฉพาะในน้ำทะเล ควรล้างถังด้วยน้ำจืดอย่างทั่วถึง
- เพื่อละลายเกลือและสารเคมีที่อาจเกาะตัวกัน
- หลังล้างเสร็จควรเช็ดถังให้แห้งสนิท
- หลีกเลี่ยงการวาง จัดเก็บ ที่ทำให้ถังสึกหรออย่างต่อเนื่อง
- หากจัดเก็บในชั้นวาง ให้มีวัสดุรองป้องกันแรงกระแทกหรือการเสียดสีตลอดเวลา
2. การดูแลรักษาตามระยะ
- หากถังถูกใช้งานทุกวัน ควรถอดอุปกรณ์ออกทุกเดือน แล้วล้างทั้งถังและอุปกรณ์ให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง
- ทุก 6 เดือน ควรถอดวาล์วออก และ ตรวจสอบภายในถัง หากพบว่าภายในถังเปียก ให้ล้างภายในให้สะอาดแล้วทำให้แห้งก่อนใช้งานอีกครั้ง
- อุปกรณ์ที่ทำจากโลหะต่างชนิด ควรแยกจากตัวถัง หรือ ล้างและเช็ดให้แห้งทุก 2 สัปดาห์ เพื่อลดการกัดกร่อน
3. การดูแลรักษาถังที่ไม่ได้ใช้งานระยะยาว
- ถ้าจะเก็บถังนานเกิน 1 เดือน ให้ ถอดอุปกรณ์ทั้งหมดออก
- ล้างและเช็ดให้ถังแห้งทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงล้างอุปกรณ์ด้วย
- เก็บถังในลักษณะตั้งตรง ในที่แห้ง เย็น ปราศจากไอเกลือ
- ควรเก็บถังโดยมีแรงดันภายในเล็กน้อยประมาณ 20–100 psi
การส่งถังเข้ารับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
จะต้องมีการตรวจสอบภายในและภายนอก (Visual Inspection) เป็นประจำทุกปี และการทดสอบแรงดัน (Hydrostatic Test) ทุก 5 ปี ทำให้สามารถตรวจพบปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดอันตรายขึ้น
ซึ่งก็มีศูนย์บริการ หรือร้านดำน้ำที่ให้บริการตรวจสอบดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้
1. การตรวจสอบภายในและภายนอก (Visual Inspection)
การตรวจสอบนี้ช่วยให้เรารู้สภาพของถังอย่างละเอียด ทั้งเรื่องสนิม รอยแตกร้าว หรือสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลต่อคุณภาพอากาศ ซึ่งการตรวจสอบจะเป็นไปตามมาตรฐาน CGA (The Compressed Gas Association)
ความถี่: ปีละครั้ง
กระบวนการดังนี้:
- ถอดวาล์วและทำความสะอาด (Valve Service)
- ทำความสะอาดภายในถัง (Internal Cleaning)
- ตรวจสอบด้วยตาเปล่าโดยผู้เชี่ยวชาญ (Visual Inspection)
2. การทดสอบแรงดันถัง (Hydrostatic Test)
เป็นขั้นตอนสำคัญที่รับรองว่า ถังยังสามารถทนแรงดันได้อย่างปลอดภัย การทดสอบนี้เป็นไปตามมาตรฐาน CFR (The U.S. Code of Federal Regulations)
ความถี่: ทุก 5 ปี
กระบวนการดังนี้:
- ถอดวาล์วและทำความสะอาด (Valve Service)
- ทำความสะอาดภายในถัง (Internal Cleaning)
- ตรวจสอบด้วยตาเปล่าโดยผู้เชี่ยวชาญ (Visual Inspection)
- ทดสอบแรงดัน ด้วยแรงดันน้ำ หรือคลื่นเสียงอัลตราโซนิก (Hydrostatic Test)
การทำเครื่องหมายบนถัง
ถังที่ผ่านการตรวจสอบต้องมีหมายเลขประจำของผู้ตรวจสอบ (RIN) และปีที่ตรวจสลักไว้อย่างถาวรตามมาตรฐาน CFR
การเติมอากาศในถัง
- ควรเติมอากาศกับศูนย์บริการเติมอากาศ หรือ dive center ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น
- จะต้องมีการกรองอากาศเป็นพิเศษ และเติมอากาศจากเครื่องคอมเพรสเซอร์ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการหายใจใต้น้ำ เพราะสิ่งปนเปื้อนในอากาศอาจจะไม่เป็นอันตรายที่ผิวน้ำ แต่สามารถเป็นพิษได้ที่ความลึกเนื่องจากความดันอากาศ
- ศูนย์บริการเติมอากาศ หรือ dive center จะปฏิเสธการเติมอากาศ หากพิจารณาแล้วว่าถังนั้นไม่ปลอดภัย หรือไม่ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐาน
การดูแลรักษาถังอากาศดำน้ำไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาด แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยต่อชีวิต ควรมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอตามมาตรฐานที่กำหนด และอย่าละเลยความผิดปกติใดๆ ที่พบจากถัง